วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สองผัวเมียช็อกร่ำไห้! ควายได้รับสารพิษรุนแรงจากหญ้าที่ตัวเองเพิ่งเกี่ยวมาให้กิน ตายพร้อมกัน 9 ตัว

สองผัวเมียช็อกร่ำไห้! ควายได้รับสารพิษรุนแรงจากหญ้าที่ตัวเองเพิ่งเกี่ยวมาให้กิน ตายพร้อมกัน 9 ตัว 

 ชาวนาสองผัวเมียที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ถึงกับร่ำไห้หลังควายที่เลี้ยงไว้กว่า 10 ปี โดนยาฆ่าหญ้า ที่เจ้าของไปเกี่ยวหญ้าจากไร่มันมาให้กิน ล้มตายเกือบยกคอก 9 ตัว ทำให้สูญเงินกว่า 4 แสนบาท จากที่เลี้ยงทั้งหมด 12 ตัว ที่เหลือ 3 ตัว ยังเฝ้าดูอาการ ด้านปศุสัตว์อำเภอรุดตรวจสอบเบื้องต้นคาดเกิดจากกินสารพิษชนิดรุนแรง พร้อมส่งอวัยวะสุ่มตรวจหาเชื้อโรคติดต่อ

 วันที่ 16 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า นายอำพล พัวพัฒนกุล ปศุสัตว์อำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากนางจินดา เรืองศรีชาติ ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 บ.ทุ่งแสงทอง ต.ทุ่งแสงทอง อ.นางรอง ว่ามีควายของชาวบ้านในหมู่บ้านตายโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นจำนวนมาก จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งทันที โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านเลขที่ 107 ม.1 บ.ทุ่งแสงทอง พบควายนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่ภายในคอกบริเวณหลังบ้านรวมจำนวน 9 ตัว เป็นเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 8 ตัว อายุตั้งแต่ 1 - 15 ปี ซึ่งควายดังกล่าวเป็นของนางลอง  บุญประสาท อายุ 50 ปี และนายพิจิตร บุญประสาท อายุ 51 ปี สองสามีภรรยาที่มีอาชีพทำนา

 จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าควายที่ตายทั้ง 9 ตัว ได้รับสารพิษชนิดรุนแรงหรือยาฆ่าหญ้าประเภทดูดซึมเข้าไป จึงทำให้เกิดอาการเซื่องซึม ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่เคี้ยวเอื้อง หลังแข็ง และตวัดลิ้นไม่ได้ ทยอยล้มตายถึง 9 ตัว จากที่เลี้ยงไว้ทั้งหมด 12 ตัว ส่วนที่เหลืออีก 3 ตัว ทางปศุสัตว์ได้ทำการฉีดยารักษาตามอาการ และเฝ้ารอดูอาการอีกครั้ง ว่าจะทรุดลงหรือดีขึ้นหรือไม่

 นายลอง และนางพิจิตร สองสามีภรรยา เล่าทั้งน้ำตาว่า ได้ซื้อควายมาเลี้ยงนานกว่า 10 ปีแล้ว จนออกลูกมาหลายตัวแล้ว เกิดความรักและความผูกพันกับควายดังกล่าว และไม่เคยคิดจะขายหากไม่จำเป็น แต่กลับต้องมาตายเกือบยกคอกถึง 9 ตัว หากขายก็จะมีราคาตัวละ 40,000 - 50,000 บาท ทำให้ต้องสูญเงินไปกว่า 400,000 บาท ทั้งที่ควายดังกล่าวจะเลี้ยงไว้แบ่งขายเฉพาะยามจำเป็น ในช่วงที่ครอบครัวขัดสนหรือส่งดอกเบี้ยเงินกู้ ธ.ก.ส. ที่มีหนี้อยู่กว่า 400,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 3 ตัว ก็ไม่รู้จะรอดหรือไม่

 นางพิจิตร ยังบอกอีกว่า ปกติจะนำควายไปเลี้ยงไว้บริเวณทุ่งนาท้ายหมู่บ้านแต่ไม่เคยเป็นอะไร กระทั่งล่าสุดเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา ได้ไปเกี่ยวหญ้ารอบบริเวณไร่มันสำปะหลังมาให้ควายกิน จากนั้นควายก็เกิดล้มตายลง จึงคาดว่าหญ้าที่เกี่ยวมาให้ความกิน น่าจะเพิ่งโดนยาฆ่าหญ้า จนทำให้ควายได้รับสารพิษและล้มตายดังกล่าว จากกรณีดังกล่าวทำให้ครอบครัวเกือบหมดตัว  จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ใจบุญช่วยเหลือด้วย 

 โดยหากผู้มีใจบุญต้องการที่จะช่วยเหลือครอบครัวของนางพิจิตร สามารถบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชีนางพิจิตร บุญประสาท หมายเลขบัญชี 011402376584 บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขานางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อที่นางพิจิตร จะได้ซื้อควายมาเลี้ยงเป็นสมบัติของครอบครัวต่อไป

 ด้านนายอำพล พัวพัฒนกุล ปศุสัตว์อำเภอนางรอง กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบอาการของควายที่ตาย และจากคำบอกเล่าของเจ้าของ เชื่อว่าสาเหตุการตายน่าจะเกิดจากควายกินยาฆ่าหญ้าประเภทดูดซึม ซึ่งเป็นสารพิษชนิดรุนแรงเข้าไปในร่างกาย อย่างไรก็ตามเพื่อความมั่นใจและความปลอดภัย  ก็ได้มีการสุ่มเก็บตัวอย่างอวัยวะควายที่ตาย ส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์ปฏิบัติการชันสูตรโรคสัตว์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจให้แน่ชัดอีกครั้งว่าควายดังกล่าวติดเชื้อโรคติดต่อหรือไม่อย่างไร พร้อมกันนี้ยังได้มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อรอบคอกสัตว์และบริเวณใกล้เคียง นอกจากนั้นก็จะทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับวัวควายที่เลี้ยงในหมู่บ้านให้ครอบคลุมด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดขึ้นได้    

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์



วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ผักชี ผักแต่งกลิ่นและเครื่องเคียง

ผักชี ผักแต่งกลิ่นและเครื่องเคียง

โดย  | วันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 | ในหมวด พืชผัก - ไม่มีความคิดเห็น
pagchee
ผักที่ใช้บริโภคส่วนของใบและก้านใบเป็นผักสด หรือใช้รับประทานกับสาคูไส้หมู ต้นและรากใช้เป็นส่วนประกอบอาหารได้หลายอย่าง ใช้ต้มเป็นน้ำซุปหรือน้ำก๋วยเตี๋ยวทำให้มีกลิ่นหอมและรสชาติดี เมล็ดใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องแกงของเครื่องแกงเผ็ด นำมาบดคลุกกับเนื้อวัวสดใช้ทำเนื้อสวรรค์ที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน กลิ่นหอมของเมล็ด ราก ใบ และต้นของผักชีสามารถใช้ดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Coriandrum sativum L.
ชื่อสามัญ : Coriander
วงศ์ : Umbelliferae
ชื่ออื่น : ผักหอม (นครพนม) ผักหอมน้อย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ผักหอมป้อม ผักหอมผอม (ภาคเหนือ) ยำแย้ (กระบี่)
pagcheeplang
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ล้มลุก ที่มีลำต้นตั้งตรง ภายในจะกลวง และมีกิ่งก้านที่เล็ก ไม่มีขน มีรากแก้วสั้น แต่รากฝอยจะมีมาก ซึ่งลำต้นนี้จะสูงประมาณ 8-15 นิ้ว ลำต้นสีเขียวแต่ถ้าแก่จัดจะออกเสียเขียวอมน้ำตาล ใบ ลักษณะการออกของใบจะเรียงคล้ายขนนก แต่อยู่ในรูปทรงพัด ซึ่งใบที่โคนต้นนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ปลายต้น เพราะส่วนมากที่ปลายต้นใบจะเป็นเส้นฝอย มีสีเขียวสด ดอก ออกเป็นช่อ ตรงส่วนยอดของต้น ดอกนั้นมีขนาดเล็ก มีอยู่ 5 กลีบสีขาวหรือชมพูอ่อนๆ ผล จะติดผลในฤดูหนาว ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมโตประมาณ 3-5 มิลลิเมตร ตรงปลายผลจะแยกออกเป็น 2 แฉก ตาวผิวจะมีเส้นคลื่นอยู่ 10 เส้น
pagcheedok
ผักชีเป็นพืชผักสมุนไพร มักลิ่นหอม อายุสั้นประมาณ 40-60 วัน สามารถขึ้นได้ในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนปนทราย มีการระบายน้ำ ที่ดี ปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ผักชีเป็นผักที่ใช้ใบ ก้านใบและลำต้นบริโภค เป็นผักเครื่องเคียงและปรุงแต่งอาหาร ให้มีรสชาติ และกลิ่นหอมน่ารับประทาน
  • ใบผักชี มีสรรพคุณในทางเป็นสมุนไพรคือ จะใชัในการช่วยย่อย บำรุงกระเพาะ เจริญอาหาร ขับลมขับพิษ แก้หวัด ขับเหงื่อ ช่วยย่อยอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด แก้โรคหัด พอกทาแก้ผื่นคัน แก้ไฟลามทุ่ง แก้ตับอักเสบ ลดการปวดบวมข้อ ต้มดื่มแก้ไอ แก้หวัด อาหารเป็นพิษ แก้สะอึก กระตุ้นการทำงานของเลือดพลาสมา และกล้ามเนื้อ มีสารต้านมะเร็ง ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และไข่ของแมลง จึงใช้ถนอมอาหาร
  • ลูกผักชี แก้พิษตานซาง แก้กระหายน้ำ แก้ลมวิงเวียน แก้บิด ถ่ายเป็นเลือด แก้ริดสีดวงทวาร แก้ปวดฟัน ช่วยย่อยอาหาร ขับลม บำรุงธาตุ ต้มน้ำอาบเมื่อเป็นหัด แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ใช้ผลเตรียมน้ำมันผักชีซึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหย หากถูกผิวนานๆอาจระคายเคืองได้
  • ราก เป็นกระสายยา กระทุ้งพิษไข้หัว เหือดหัด อีสุกอีใส อีดำอีแดง
    กากลูกผักชี (หมายถึงลูกผักชีที่สกัดเอาน้ำมันออกแล้ว) มีโปรตีน 11-17 % ไขมัน 11-20% จึงเหมาะที่จะใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ดี ผงลูกผักชีบดใช้โรยแผลกันเชื้อฝีหนองได้ นอกจากนี้แล้ว ลูกผักชียังใช้เป็นเครื่องเทศผสมเครื่องแกง ผักดอง ไส้กรอก แต่งกลิ่นอาหารต่างๆโดยเฉพาะเหล้ายิน แต่งกลิ่นช็อกโกแลต โกโก้ ได้
pagcheeton
คุณค่าอาหาร
ผักชี 100 กรัม ให้พลังงาน 32 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย
  • โซเดียม 45 มิลลิกรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม
  • เส้นใย 3 กรัม
  • โปรตีน 2 กรัม
  • แคลเซียม 91 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 37 มิลลิกรัม
pagcheemaled
การเตรียมดินและการปลูก
  1. ใช้จอบขุดดินเตรียมแปลงลึก 1 หน้าจอบ (15 – 20 ซม.)
  2. ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักที่สลายแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากับหน้าดิน ย่อยดินให้ละเอียดแล้วรดน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง
  3. นำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำไว้ 1 คืน
  4. ควรนำเมล็ดที่แช่น้ำแล้วมานวดด้วยขวดน้ำ ให้เปลือกหุ้มเมล็ดแตก
  5. นำเมล็ดลง หว่านลงบนแปลงที่เตรียมไว้
  6. คลุมด้วยฟางข้าว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของหน้าดิน และรดน้ำอีกครั้ง
  7. การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1 กำมือ (2-3 ช้อนแกง) หว่านทุกๆ 15 วัน ต่อขนาดพื้นที่ปลูก 1 ตารางเมตร และรดน้ำตามทันที
  8. การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
  9. การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่าให้รบกวน และลุกลาม โดยเฉพาะช่วงแรกหลังหยอดเมล็ด
  10. การกำจัดวัชพืชทำโดยใช้มือถอน
  11. เนื่องจากผักชีเป็นพืชผักที่ใช้บริโภคได้ทุกส่วน ก่อนถอนควร รดน้ำให้ดินชุ่ม และควรถอนทั้งต้นและราก
พันธุ์ผักชีที่นิยมปลูกทั่วไปในประเทศไทย ได้แก่ พันธุ์สิงคโปร์ พันธุ์สิงคโปร์เมล็ดดำ และพันธุ์ไต้หวัน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามแหล่งขายเมล็ดพันธุ์ผักทั่วไป
pagcheekla
ผักชีเป็นผักที่ต้องการน้ำมากแต่ไม่ชอบน้ำขัง ดังนั้น ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น อย่าให้น้ำมากจนโชกเกินไป เพราะผักชีถ้าถูกน้ำหรือฝนมากๆ มักจะเน่าง่าย สำหรับวัชพืชที่ขึ้นในระยะแรกควรรีบกำจัดโดยเร็ว โดยใช้มือถอน อย่าปล่อยให้ลุกลามเพราะวัชพืชเป็นตัวแย่งน้ำและอาหารจากผักชี
pagchees
ผักชีจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 30-45 วัน เนื่องจากผักชีสามารถใช้ทุกส่วนบริโภค ควรเก็บเกี่ยวโดยการถอนด้วยมือติดทั้งต้นและรากไม่ขาด แต่ก่อนถอนควรรดน้ำบนแปลงให้ดินชุ่มชื้นเสียก่อนเพื่อสะดวกในการถอน เมื่อถอนเสร็จแล้วนำไปล้างดินออก ตกแต่งโดยเด็ดใบเหลืองใบเสียทิ้ง แล้วมัดๆ ละกิโลกรัม นำไปผึ่งลมแล้วบรรจุเข่ง เพื่อให้ผักชีไม่เกิดการเน่าเละขณะขนส่งอันเนื่องมาจากน้ำแฉะเกินไป ผลผลิตผักชีที่ดีต้องมีใบเขียวสม่ำเสมอ ไม่เป็นโรคใบลายหรือใบไหม้ มีรากขาวมาก รากยาวและไม่ขาด
pagcheeplan
ที่มาภาพ : อินเทอร์เน็ต  





วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556




บุรีรัมย์ - ปชช.นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างประเทศ แห่เที่ยวชมความงดงามปราสาท และสัมผัสอากาศหนาวบนเขาพนมรุ้ง ช่วงวันหยุดคึกคักวันละกว่า 5,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติเท่าตัว ขณะอุทยานฯ เตรียมจัดงานอรุณเบิกฟ้าทำบุญตักบาตร และรับพลังแสงอาทิตย์แรกของปีบนปราสาทพนมรุ้ง เสริมสิริมงคลต้อนรับปีใหม่
       
      วานนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ในฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยวขณะนี้ ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ พากันเดินทางขึ้นไปเที่ยวชมความงดงาม และสัมผัสอากาศหนาวบนอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ และปราสาทเมืองต่ำ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์กันอย่างคึกคัก เฉลี่ยวันละกว่า 5,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติกว่าหนึ่งเท่าตัว
       
       โดยส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว ญาติมิตร และหมู่คณะ เพื่อพักผ่อน และสัมผัสกับอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยว และสัมผัสหนาวบนอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ คึกคักกันอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยว
       
       นอกจากนี้ ทางอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ยังจะร่วมกับอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จัดงาน “อรุณเบิกฟ้า” รับเทศกาลท่องเที่ยวปีใหม่ 2557 โดยมีการจัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอ จากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 1 ม.ค.2557 ประชาชน นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานจะเดินขึ้นมาบนเขาพนมรุ้งเพื่อมาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ และรับพลังแสงอาทิตย์ของปีบนปราสาทพนมรุ้ง เพื่อเสริมสิริมงคลในแก่ชีวิตในปีพุทธศักราช 2557 ด้วย
       
       นางชุติมา จันทน์เทศ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง กล่าวว่า ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมปราสาทพนมรุ้งได้ร่วมกันอนุรักษ์โบราณสถาน โดยการไม่ขีดข่วน หรือทุบทำลาย หรือกระทำการใดๆ ที่จะสร้างความเสียหายแก่โบราณสถานดังกล่าว ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2557 จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ เดินทางขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ ไม่น้อยกว่าวันละ 10,000 คน

ที่มา:manageronline 




วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เลย - เปิดแล้วเทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 2 นายอำเภอภูเรือ คาดอนาคตน่าจะท่องเที่ยวพักผ่อนได้ทั้งปี เผยรายได้จากการท่องเที่ยวเมืองเลยสูงกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งยังเป็นเมืองแห่งการเพาะต้นคริสต์มาสที่ใหญ่สุดในประเทศ




http://www.manager.co.th/images/blank.gif
     เลย - เปิดแล้วเทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 2 นายอำเภอภูเรือ คาดอนาคตน่าจะท่องเที่ยวพักผ่อนได้ทั้งปี เผยรายได้จากการท่องเที่ยวเมืองเลยสูงกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งยังเป็นเมืองแห่งการเพาะต้นคริสต์มาสที่ใหญ่สุดในประเทศ
  
       เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ (24 พ.ย.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานเปิดเทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 2 “หนาวนี้ ที่เมืองเลย
  
       นายบุญเติม เรณุมาศ นายอำเภอภูเรือ กล่าวว่า จ.เลย เป็นเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ดังคำขวัญที่ว่า เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยามได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วประเทศในเว็บไซต์ postjung .com ให้เป็นจังหวัดอันดับหนึ่งของภาคอีสานที่นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาในช่วง ฤดูหนาวและปีใหม่มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมของทุกปี



http://www.manager.co.th/images/blank.gif
นอกจากนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันดับ 3 รองจาก จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งในอนาคตหวังว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ดังสโลแกนที่ว่า เที่ยวเมืองเลย เที่ยวได้ทั้งปี
  
       นายบุญเติมกล่าวว่า เลยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าพื้นที่ปีละกว่า 2,200 ล้านบาท และยังเป็นเมืองแห่งการเกษตร เป็นแหล่งผลิตไม้ดอกไม้ประดับที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งของไทย โดยเฉพาะต้นคริสต์มาสซึ่งเพาะปลูกและจำหน่ายมากที่สุดในโลก ทำรายได้แต่ละปีกว่า 150 ล้านบาท


http://www.manager.co.th/images/blank.gif
 จังหวัดจึงจัดเทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยว ตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยว โดยการสร้างลานต้นคริสต์มาสนับแสนต้น และกังหันยักษ์ในพื้นที่กว่า 5 ไร่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายรูปในช่วงเวลากลางวัน และตกแต่งโคมไฟรูปดอกไม้ กังหันเพื่อถ่ายรูปช่วงกลางคืน

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
 
 โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวชมได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวัน ที่ 31 มกราคม 2557 ซึ่งนอกจากลานคริสต์มาสแล้วยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมาก เช่น บ้านไม้เรือนเก่าอายุกว่าร้อยปีของเมืองเชียงคาน อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุทยานแห่งชาติภูเรือ และอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย



 ที่มา:manageronline



 www.facebook.com/KKFASION https://www.facebook.com/DO.ShoppingUSA





วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สุรินทร์ - โจรอาละวาดขับปิกอัพตระเวนลักข้าวเปลือกชาวนาเมืองช้างที่ตากไว้ริมถนนกว่าครึ่งตันหนีลอยนวล









สุรินทร์ - โจรอาละวาดขับปิกอัพตระเวนลักข้าวเปลือกชาวนาเมืองช้างที่ตากไว้ริมถนนหนีลอยนวล เผยอยู่ห่างโรงพักแค่ 1 กม.และนอนเฝ้าทุกคืนแต่ไม่รอดเงื้อมมือโจร สูญข้าวหอมมะลิไปกว่า 500 กก. ซ้ำเติมทุกข์กู้เงินมาลงทุนเช่านาปลูกข้าว ด้าน ตร.วิทยุสั่งสกัดกลับไร้วี่แวว ขณะชาวนาทำได้เพียงสาปแช่งโจรให้ตายตกนรก
       
       ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านตาพุท ต.ปราสาททอง อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีกลุ่มคนร้ายขับรถยนต์ตระเวนขโมยข้าวเปลือกของเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวแล้วนำมาตากไว้บริเวณริมถนนสายบ้านตาพุท-บ้านตากูก ต.ปราสาท ห่างจากสถานีตำรวจภูธรตากูกประมาณ 1 กิโลเมตร
       
       เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึง พบว่าเกษตรกรที่ถูกขโมยข้าวเปลือก คือ นายสมุห์ ยืนยาว อายุ 60 ปี บ้านตาพุท ต.ปราสาท กำลังพาญาติพี่น้องมาเก็บข้าวเปลือกที่เหลือบรรจุกระสอบเพื่อนำกลับไปไว้ที่บ้าน โดยนายสมุห์บอกว่า ตนเช่าที่นาเขาปลูกข้าวหอมมะลิจำนวน 15 ไร่ และเพิ่งว่าจ้างรถเกี่ยวข้าวราคาไร่ละ 650 บาท แต่ข้าวมีความชื้นสูงจึงนำมาตากแดดไว้บนริมถนนหลวง และนอนเฝ้าข้าวเปลือกทุกคืน แต่นอนห่างจากจุดตากข้าวประมาณ 600 เมตร โดยในช่วงก่อนรุ่งสางวันนี้ (22 พ.ย) เวลาประมาณ 04.00 น. มีชาวบ้านที่มานอนเฝ้ารถยนต์เกี่ยวข้าวตื่นมาเพื่อเดินทางกลับเข้าบ้านพบคนร้าย 3 คนกำลังช่วยกันขนข้าวเปลือกของตนขึ้นรถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ แบบแค็บ สีดำ จำหมายเลขทะเบียนรถไม่ได้ และเมื่อเห็นคนมาพบจึงพากันรีบขับรถหลบหนีไปทางด้านบ้านปราสาททอง มุ่งหน้าสู่ อ.เขวาสินรินทร์
       
       เมื่อตนตื่นขึ้นมาไปตรวจสอบ พบว่าข้าวเปลือกที่ตากกองไว้หายไปจำนวนมากกว่า 500 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1 หมื่นบาท จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากูกมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ได้วิทยุแจ้งให้ตำรวจ สภ.ใกล้เคียงช่วยสกัดจับคนร้าย แต่ไม่สามารถจับกุมได้
       

       “เสียใจมากที่ถูกคนร้ายขโมยข้าวเปลือกไป เพราะเป็นหนี้กู้เงินเขามาลงทุนทำนา ทั้งค่าปุ๋ย ค่ารถไถ รถเกี่ยวข้าว ตั้งใจว่าเมื่อตากข้าวแห้งแล้วจะนำไปขายได้ราคากิโลกรัมละ 20 บาทเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ ที่เหลือจะเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่กลับมาถูกคนร้ายขโมยข้าวไปจำนวนมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงนำหมากพลูมาทำพิธีสาปแช่งคนที่มาขโมยข้าวไป ให้รถคว่ำตายตกนรก หรือทำมาหากินไม่เจริญ ตกทุกข์ได้ยาก ลำบากยากจนมากกว่าตนหลายเท่าตัว” นายสมุห์กล่าว

ที่มา:Manageronline