วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ขั้นตอน รายละเอียด


มื้อวานบ่ได้เฮ็ดโอทีครับ เลิกงานห้าโมงครึ่ง พอดีหมู่ทางวัดยายร่มโทรมา บอกว่ามาเฮ็ดลาบเป็ดสู่กินแหน่ ซื้อมาแต่ตลาดบางบอนโตเกือบ3โลหว่าซั่น (คึดในใจ จะแหม่นโทรมาถืกยามคักแท้::)::) )ขั้นตอนก่อนหน้านี้ข้ามเลยน้อครับ มันโหดโพด อิอิ ชำแหระเลยครับ เลาะเอาแต่เนื้อ กระดูกสับไว้ถ่าต้ม เครื่องในล้างให้สะอาดครับ เตรียมไว้ใส่หม้อต้ม




ต้มน้ำเลยครับ หั่นข่า-ตะไคร้ ใบบักกูดใส่ลงไป เอาคนอร์ใส่จัก 2 ก้อนมันจั่งสิหอมนัว พอน้ำเดือดเอากระดูกเป็ดใส่ลงไปครับกับเครื่องใน ใส่เกลือนิดหนึ่ง อย่าลืมใบอันนี้นำครับ ยอดหม่อนหรือใบมอนบ้านเฮา นี้หละครับเคล็ดลับของการเฮ็ดต้มซด รสชาดมันสิคือใส่ ซ......นี้หละพี่น้อง ย้านแต่ซดบ่ยอมวางช้อน::)::)





เนื้อที่เลาะไว้เอามาหั่นครับ หละกะสับให้ละเอียด เสร็จแล้วใส่เกลือนิดหนึ่งครับ บีบบักนาวใส่จัก 5-6 หน่วย คลุกให้เข้ากัน ปั้นเอาน้ำออกครับ (น้ำที่ปั้นออกอย่าถิ่มเด้อครับ เอาใส่หม้อตั้งไฟสิเฮ็ดเป็นน้ำคนลาบ)เครื่องในที่ต้มสุกแล้วกะเอามาหั่นครับ เตรียมไว้ใส่ลาบ 




เอาเนื้อที่สับไว้รวนเลยครับ รวนหลายๆเที่ยวจนเนื้อเป็ดสุก เทน้ำรวนออก เอาน้ำคนลาบที่ตั้งไฟไว้เทลงไปครับ ใส่เครื่องในที่หั่นไว้รอให้เย็นกะปรุงเลยครับตามใจชอบ




ถ่าผุได๋มักกินลาบใส่เลือด กะแยกออกมาใส่ต่างหากครับ แซบคือกัน ถ่าได้ซดจักคำย้านแต่ลืมแบบแรก อิอิ




เสร็จแล้วครับ กินกับผักแกล้มกะมี ยอดบักกอก-ผักกาดหิ่น-ผักหนอก-หละกะถั่วฝักยาว มา มา พี่น้องมากินนำกัน แซบ แซบ















ที่มา: บ่าวทิพย์อำนาจเจริญ บ้านมหาดอทคอม

ปลูกผักบุ้งจีน



ปลูกผักบุ้ง -ผักบุ้งที่ปลูกในประเทศไทย มี ประเภท ผักบุ้งไทย (Ipomoea aquatic Var. aquatica) มีดอกสีม่วงอ่อน ก้านสีเขียวหรือม่วงอ่อน ใบสีเขียวเข้ม และก้านใบสีม่วง และผักบุ้งจีน (Ipomoea aquatica Var. reptans) ซึ่งมีใบสีเขียว ก้านสีเหลืองหรือขาว ก้านดอกและดอกสีขาว ผักบุ้งจีนนิยมนำมาประกอบอาหารกว้างขวางกว่าผักบุ้งไทย จึงนิยมปลูกเป็นการค้าอย่างแพร่หลาย ทั้งการปลูกเพื่อบริโภคสด และการผลิตเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันผักบุ้งจีนได้พัฒนาเป็นพืชผักส่งออกที่มีความสำคัญ โดยส่งออกทั้งในรูปผักสด และเมล็ดพันธุ์ การส่งออกเฉพาะผักบุ้งจีนเพื่อบริโภคสดไม่มีตัวเลขแน่นอน เพราะรวมผักบุ้งจีนในหมวดผักสดอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ผักสดชนิดต่าง ๆ ตลาดที่สำคัญคือฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ สำหรับเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนประเทศไทยสามารถส่งออกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนในปี 2538 ปริมาณ 540.6 ตัน มูลค่าการส่งออก 19.8 ล้านบาท  1. การเลือกที่ปลูก การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดเป็นการปลูกผักบุ้งจีนแบบหว่าน หรือโรยเมล็ดลงบนแปลงปลูกโดยตรง เมื่อถึงอายุเก็บเกี่ยว 20-25 วัน จะถอนต้นผักบุ้งจีนทั้งต้นและรากออกจากแปลงปลูกไปบริโภคหรือไปจำหน่ายต่อไป ในการปลูกนั้นควรเลือกปลูกในที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก สภาพที่ดอน น้ำไม่ท่วม หรือเป็นแบบสวนผักแบบยกร่อง เช่น เขตภาษีเจริญ บางแค กรุงเทพฯ บางบัวทอง นนทบุรี นครปฐม และราชบุรี เป็นต้น ลักษณะดินปลูกควรเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย เพื่อถอนต้นผักบุ้งจีนได้ง่าย และควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อสะดวกในการรดน้ำในช่วงการปลูก และทำความสะอาดต้นและรากผักบุ้งจีนในช่วงการเก็บเกี่ยว

2. การเตรียมดิน ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่มีระบบรากตื้น ในการเตรียมดินควรไถตะตากดินไว้ประมาณ 15-30 วัน แล้วดำเนินการไถพรวนและขึ้นแปลงปลูก ขนาดแปลงกว้าง 1.5-2 เมตร ยาว 10-15 เมตร เว้นทางเดินระหว่างแปลง 40-50 เซนติเมตร เพื่อสะดวกในการปฏิบัติดูแลรักษา ใส่ปุ๋ยคอก (มูลสุกร เป็ด ไก่ วัว ควาย) หรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว คลุกเคล้าลงไปในดิน พรวนย่อยผิวหน้าดินให้ละเอียดพอสมควรปรับหลังแปลงให้เรียบเสมอกัน อย่าให้เป็นหลุมเป็นบ่อ เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนจะขึ้นไม่สม่ำเสมอทั้งแปลง ถ้าดินปลูกเป็นกรด ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับระดับพีเอชของดินให้สูงขึ้น

3. วิธีการปลูก ก่อนปลูกนำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนไปแช่น้ำนาน 6-12 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนดูดซับน้ำเข้าไปในเมล็ด มีผลให้เมล็ดผักบุ้งจีนงอกเร็วขึ้น และสม่ำเสมอกันดี เมล็ดผักบุ้งจีนที่ลอยน้ำจะเป็นเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ควรนำมาเพาะปลูก ถึงแม้จะขึ้นได้บ้าง แต่จะไม่สมบูรณ์แข็งแรงอาจจะเป็นแหล่งทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่าย นำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนที่ดีไม่ลอยน้ำมาหว่านให้กระจายทั่วทั้งแปลงให้เมล็ดห่างกันเล็กน้อย ต่อจากนั้นนำดินร่วนหรือขี้เถ้าแกลบดำหว่านกลบเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนหนาประมาณ 2-3 เท่าของความหนาของเมล็ดหรือประมาณ 0.5 เซนติเมตร แต่ถ้าแหล่งที่ปลูกนั้นมีเศษฟางข้าว จะใช้ฟางข้าวคลุมแปลงปลูกบาง ๆ เพื่อช่วยเก็บรักษาความชื้นในดิน หรือทำให้หน้าดินปลูกผักบุ้งจีนไม่แน่นเกินไป รดน้ำด้วยบัวรดน้ำหรือใช้สายยางติดฝักบัวรดน้ำให้ความชื้น แปลงปลูกผักบุ้งจีนทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 2-3 วัน เมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีน จะงอกเป็นต้นผักบุ้งจีนต่อไป


4. การปฏิบัติดูแลรักษาผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสด    4.1 การให้น้ำ ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่ชอบดินปลูกที่ชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะจนมีน้ำขัง ฉะนั้นควรรดน้ำผักบุ้งจีนอยู่เสมอทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ยกเว้นช่วงที่ฝนตกไม่ต้องรดน้ำ อย่าให้แปลงปลูกผักบุ้งจีนขาดน้ำได้ จะทำให้ผักบุ้งจีนชะงักการเจริญเติบโต คุณภาพไม่ดี ต้นแข็งกระด้าง เหนียว ไม่น่ารับประทาน และเก็บเกี่ยวได้ช้ากว่าปกติ 

     4.2 การใส่ปุ๋ย ผักบุ้งจีนเป็นพืชผักที่บริโภคใบและต้นมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ถ้าดินปลูกมีความอุดมสมบูรณ์ หรือมีการใส่ปุ๋ยคอก เช่น มูลสุกร มูลเป็ด ไก่ เป็นต้น ซึ่งปุ๋ยคอกดังกล่าวเป็นปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีก็ได้ แต่ถ้าดินปลูกไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ นอกจากต้องให้ปุ๋ยคอกแล้ว ควรมีการใส่ปุ๋ยทางใบที่มีไนโตรเจนสูง โดยหว่านปุ๋ยกระจายทั่วทั้งแปลงก่อนปลูกและหลังปลูกผักบุ้งจีนได้ประมาณ 7-10 วัน ซึ่งการให้ปุ๋ยครั้งที่ 2 นั้น หลังจากหว่านผักบุ้งจีนลงแปลงแล้ว จะต้องมีการรดน้ำแปลงปลูกผักบุ้งจีนทันที อย่าให้ปุ๋ยเกาะอยู่ที่ชอกใบ จะทำให้ผักบุ้งจีนใบไหม้ ในการใส่ปุ๋ยเคมีครั้งที่ 2 นั้น จะใช้วิธีการละลายน้ำรด 3-5 วันครั้งก็ได้ โดยใช้อัตราส่วน ปุ๋ยยูเรีย 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร จะเป็นการช่วยให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโต และเก็บเกี่ยวได้รวดเร็วขึ้น เมล็ดเริ่มงอกหลังจากหว่านประมาณ 2-3 วัน การให้น้ำ 

     4.3 การพรวนดินและกำจัดวัชพืช ถ้ามีการเตรียมดินดีมีการใส่ปุ๋ยคอกก่อนปลูกและมีการหว่านผักบุ้งขึ้นสม่ำเสมอกันดี ไม่จำเป็นต้องพรวนดิน เว้นแต่ในแหล่งปลูกผักบุ้งจีนดังกล่าวมีวัชพืชขึ้นมาก ควรมีการถอนวัชพืชออกจากแปลงปลูกอยู่เสมอ 7-10 วันต่อครั้ง ในแหล่งที่ปลูกผักบุ้งจีนเพื่อการบริโภคสดเป็นการค้าปริมาณมาก ควรมีการพ่นสารคลุมวัชพืชก่อนปลูก 2-3 วัน ต่อจากนั้นจึงค่อยหว่านผักบุ้งจีนปลูก จะประหยัดแรงงานในการกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกผักบุ้งจีนได้ดีมากวิธีการหนึ่ง 

     4.4 การเก็บเกี่ยว หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนลงแปลงปลูกได้ 20-25 วัน ผักบุ้งจีนจะเจริญเติบโต มีความสูงประมาณ 30-35 เซนติเมตร ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนออกจากแปลงปลูกทั้งต้นและราก ควรรดน้ำก่อนถอนต้นผักบุ้งจีนขึ้นมาจะถอนผักบุ้งจีนได้สะดวก รากไม่ขาดมาก หลังจากนั้นล้างรากให้สะอาด เด็ดใบและแขนงที่โคนต้นออก นำมาผึ่งไว้ ไม่ควรไว้กลางแดดผักบุ้งจีนจะเหี่ยวเฉาได้ง่าย จัดเรียงต้นผักบุ้งจีนเป็นมัด เตรียมบรรจุภาชนะเพื่อจัดส่งตลาดต่อไป












ที่มา:farmkaset.org/
ขนส่งฯ มึนยังหาเจ้าของรถหรูไม่ได้-คาดเป็นรถติดแก๊สหวังจดทะเบียนที่ศรีสะเกษ















ศรีสะเกษ-ขนส่งจังหวัดศรีสะเกษเผยไฟไหม้รถสุดไฮคลาส “เบนท์ลีย์-บีเอ็มฯ-ลัมโบร์กินี-เฟอร์รารี่” ที่จะนำไปจดทะเบียนที่จ.ศรีสะเกษ ไม่ทราบว่าเป็นรถของใคร ขณะที่แกนนำนักธุรกิจดังเผย คาดว่าเป็นรถติดแก๊สนำรถจดประกอบมาขอจดทะเบียนที่ จ.ศรีสะเกษ
 
       ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า  จากกรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้รถเทรลเลอร์บรรทุกรถยนต์หรูราคาแพงที่บริเวณช่วงหลักกิโลเมตรที่ 36 ถ.มิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรถยนต์ราคาแพงถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายรวมจำนวน 6 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ จำนวน  2  คัน ถูกเผาเสียหาย 1 คัน ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นเอส 6 จำนวน 1 คัน ยี่ห้อเฟอร์รารี่ 1 คัน ยี่ห้อลัมโบร์กินี่ 1 คัน และยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นอี300 จำนวน 1 คัน รวมมูลค่าประมาณ  90 ล้านบาท โดยผู้ที่ทำหน้าที่ขับขี่รถเทรลเลอร์แจ้งว่าจะนำรถไปส่งที่ จ.ศรีสะเกษนั้น
 
       ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้( 30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่สำนักงานขนส่ง จ.ศรีสะเกษ  อ.เมือง  จ.ศรีสะเกษ  นายดนัย  โคตรอาษา  ขนส่ง จ.ศรีสะเกษ  เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า จากกรณีที่จะมีการนำเอารถหรูราคาแพงนำมาส่งที่ จ.ศรีสะเกษ ตนทราบข่าวนี้ทางสื่อมวลชน ซึ่งตนยังไม่ทราบว่ารถทั้งหมดข้างต้นซึ่งมีราคาค่อนข้างแพงมากนั้นเป็นรถของผู้ใด 
 
       ทั้งนี้ เนื่องจากว่ายังไม่มีการนำเอาหลักฐานประกอบการจดทะเบียนมายื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่  เพื่อติดต่อขอจดทะเบียนรถทั้งหมดแต่อย่างใด  ทำให้ไม่ทราบว่า รถหรูทั้งหมดใครสั่งเข้ามา และไม่ทราบว่าจะมีการนำเอาหลักฐานมาจดทะเบียนรถที่ จ.ศรีสะเกษหรือไม่อย่างไร
 
       อย่างไรก็ตาม หากว่ารถหรูทุกคันตามข่าวจะมีการมาขอจดทะเบียน ก็จะต้องมีหลักฐานการชำระภาษีศุลกากรขาเข้ามาประกอบการขอจดทะเบียนรถ และเอกสารหลักฐานต่างๆ ตามระเบียบกฎหมาย รวมทั้งจะต้องมีการตรวจสภาพรถว่า  ตรงกันกับเอกสารที่มาขอยื่นจดทะเบียนรถหรือไม่อย่างไรด้วย แต่ขณะนี้หลักฐานการจดทะเบียนรถทั้งหมดไม่มีการมายื่นขอจดทะเบียนกับขนส่ง จ.ศรีสะเกษ
 
       แหล่งข่าวที่เป็นนักธุรกิจชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ  เปิดเผยว่า  เบื้องต้นคาดว่ารถหรูทุกคันอาจจะติดแก๊ส เนื่องจากว่าหากมีการจดประกอบติดแก๊สแล้วจะทำให้มีการชำระภาษีน้อยลง  หลังจากจดทะเบียนแล้วก็จะถอดแก๊สออกเพื่อเป็นการเลี่ยงภาษี โดยรถทุกคันอาจจะเป็นของกลุ่มเซียนพนันใน จ.ศรีสะเกษที่ชอบเล่นรถแบบนี้ เนื่องจากว่าราคารถไม่สูงมากนัก 
 
       ตนเคยได้รับการชักชวนให้ไปชมรถประเภทนี้ พบว่าดูจากสภาพข้างนอกน่าจะเป็นรถใหม่ แต่เมื่อเปิดดูเครื่องและภายในรถจะพบว่ารถสภาพไม่ค่อยดีเท่าที่ควรเหมือนกับว่าผ่านการใช้งานมาแล้วจึงมีการนำเอารถมาขายต่อ จากนั้นจึงจะนำเอารถพร้อมหลักฐานมาขอจดทะเบียนที่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่ง จ.ศรีสะเกษเป็นหนึ่งในหลายจังหวัดที่มีการรับจดทะเบียนรถราคาแพง
 
       แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า จากการที่ตนสังเกตในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ  พบว่ามีการนำเอารถหรูราคาแพงมาจดทะเบียนแล้ววิ่งภายใน จ.ศรีสะเกษเพียงหนึ่งถึงสองวัน แล้วจากนั้นรถก็หายไปอยู่ที่จังหวัดอื่น   ซึ่งปกติแล้วรถหรูราคาแพงนำเข้าจากนอกจะไม่นำรถทั้งคันมาจดทะเบียน  แต่จะแยกชิ้นส่วนมาขอจดทะเบียนซึ่งจะชำระภาษีถูกกว่า
 
       อย่างไรก็ตาม รถหรูทั้งหมดตนเชื่อว่าชาว จ.ศรีสะเกษที่มีฐานะดีมากจะไม่เล่นรถประเภทนี้ เพราะว่ารถจดประกอบเศรษฐีศรีสะเกษตัวจริงจะไม่เล่นรถระดับนี้อย่างเด็ดขาด ส่วนมากแล้วจะเป็นพวกเศรษฐีใหม่จึงใช้รถแบบนี้

ที่มา: manageronline

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การเพาะปลูกคะน้า

การเพาะปลูกคะน้า



คะน้า


การเตรียมดินปลูก 
เนื่องจากคะน้าเป็นผักรากตื้นจึงควรขุดดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน แล้วนำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วมาใส่ คลุกเคล้าให้เข้ากับดิน ทั้งนี้เพื่อปรับปรุงสภาพทางกายภาพและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน พรวนย่อยหน้าดินให้มีขนาดเล็ก โดยเฉพาะการปลูกแบบหว่านโดยตรงลงในแปลง เพื่อมิให้เมล็ดตกลึกลงไปในดิน เพราะจะไม่งอกหรืองอกยากมาก ถ้าดินเป็นกรดควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับปรุงดินให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม 



วิธีการปลูก 
หลังจากเตรียมดินโดยย่อยหน้าดินให้ละเอียดแล้ว นิยมหว่านเมล็ดลงบนแปลงปลูกโดยตรงมากกว่าการย้ายกล้า หว่านเมล็ดให้กระจายทั่วทั้งผิวแปลง ให้เมล็ดห่างกันประมาณ 2-3 เซนติเมตร ใช้ดินผสมหรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้วหว่านกลบเมล็ดให้หนาประมาณ 0.6-1 เซนติเมตร เพื่อเก็บรักษาความชื้นให้เมล็ดและป้องกันเมล็ดถูกน้ำกระแทกกระจาย คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งสะอาดบางๆ รดน้ำให้ทั่วถึงและสม่ำเสมอ ต้นกล้าจะงอกภายใน 7 วัน 

หลังจากคะน้างอกแล้วประมาณ 20 วัน หรือต้นสูงประมาณ 10 เซนติเมตร ให้เริ่มทำการถอนแยกครั้งแรก โดยเลือกถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออก ให้เหลือระยะห่างระหว่างต้นไว้ประมาณ 10 เซนติเมตร ซึ่งต้นอ่อนของคะน้าในวัยนี้เมื่อเด็ดรากออกแล้วสามารถนำไปขายได้ และเมื่อคะน้ามีอายุได้ประมาณ 30 วัน จึงทำการถอนแยกครั้งที่ 2 โดยให้เหลือระยะห่างระหว่างต้น 20 เซนติเมตร และต้นคะน้าที่ถอนแยกออกมาในวัยนี้ตัดรากออกแล้วส่งขายตลาดเป็นยอดผักได้เช่นกัน ซึ่งผู้บริโภคนิยมรับประทานเป็นยอดผักเพราะอ่อนและอร่อย ในการถอนแยกคะน้าแต่ละครั้งควรทำการกำจัดวัชพืชไปในตัวด้วย โดยใช้แรงงานคนในการถอนและตัดรากนำไปขายซึ่งสามารถทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น สรุปแล้วการปลูกคะน้าในแต่ละฤดูปลูกสามารถขายได้ 3 ครั้ง คือ เมื่อถอนแยกครั้งแรก ถอนแยกครั้งที่ 2 และตอนตัดต้นขาย 

การปฏิบัติดูแลรักษา 
การให้น้ำคะน้าเป็นพืชที่ต้องการน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอเพราะต้นคะน้ามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการปลูกคะน้าจึงต้องปลูกในแหล่งที่มีน้ำเพียงพอตลอดฤดูปลูก หากคะน้าขาดน้ำจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโตและคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะที่เมล็ดเริ่มงอกยิ่งขาดน้ำไม่ได้เลย วิธีการให้น้ำคะน้าโดยใช้บัวฝอย หรือใช้เครื่องฉีดฝอยฉีดให้ทั่วและชุ่ม ให้น้ำคะน้าวันละ 2 เวลาคือ เช้าและเย็น





ที่มา: http://myveget.com