วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

สุรินทร์ - ชาวกัมพูชาแห่ซื้อมะพร้าวไทยคึกคักเพื่อนำไปขายต่อ วันไหว้บรรพบุรุษ หรือวันแซนโฎนต






เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์ รายงานว่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม และตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็นไปด้วยความคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชา จากจังหวัดเสียมราฐ จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้เดินทางเข้ามาสั่งชื้อ มะพร้าวแก่ มะพร้าวสุกจากฝั่งไทย เพื่อนำไปจำหน่ายขายต่อให้กับชาวกัมพูชาใช้บริโภคช่วงเทศกาลงานบุญของชาวกัมพูชา คือวันไหว้บรรพบุรุษ หรือวันแซนโฎนตา (แซนโดนตา) ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนตุลาคม เป็นประเพณีที่สำคัญอย่างยิ่งของชาวกัมพูชาที่ทุกครัวเรือนจะได้ประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ต้องใช้มะพร้าวแก่ในการไปทำเป็นกะทิ ปรุงอาหารคาวและหวาน เครื่องเซ่นไหว้

พ่อค้าชาวกัมพูชา ที่เดินทางมาจาก จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา บอกว่า เมื่อถึงเทศกาลวันสำคัญแซนโฎนตา ต้องมาชื้อมะพร้าวจากตลาดช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทุกปี เพื่อนำไปขายให้กับชาวกัมพูชา เพราะกัมพูชามีมะพร้าวน้อยมาก ต้องมาชื้อจาก จ.สุรินทร์ลูกละ 9-10 บาท จากไทย นำไปขายต่อลูกละ 16-20 บาท เพราะมีค่าใช้จ่ายต้นทาง กลางทาง ปลายทางเยอะมาก

ขณะที่พ่อค้าชาวไทยได้ใช้รถยนต์หาซื้อมะพร้าวในแต่ละหมู่บ้าน รวบรวมเสร็จก็นำมาขายให้ชาวกัมพูชาที่ตลาดชายแดน ช่องจอม อ.กาบเชิง โดยพ่อค้าระบุว่า ทุกวันนี้ มะพร้าว หายากมาก ต้องขับรถยนต์ตระเวนไปทั่วจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงกว่าจะได้มะพร้าวเป็นจำนวนมาก และยังต้องทำเองทุกอย่างทั้งขึ้นเก็บเอง ปลอกเปลือกเอง รวมแล้วต้นทุนอยู่ลูกละ 8-9 บาท พอนำมาขาย ก็มีราคาส่งส่งที่ 9-10 บาท แต่ก็พออยู่ได้เพราะมีอาชีพทำนาอยู่ด้วย รายได้จากการขายมะพร้าวเป็นอาชีพเสริม เท่านั้

ผู้สื่อข่าวยังได้ทำการสำรวจราคาไข่ไก่ในตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์พบว่าไข่ไก่ทุกขนาดได้ปรับราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะไข่ไก่เบอร์ 0 มีราคาแพงถึงแผงละ 135 บาท ฟองละ 4.50 บาท ส่วนเบอร์ 1 แผงละ 130 บาท ฟองละ 4.20 บาท เบอร์ 2 แผงละ 125 บาท ทำให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อแม่ค้าขายอาหารตามสั่งที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการรับซื้อไข่ไก่มาขายอีกด้วย โดย ภานิชดา ไชยกูร แม่ค้าขายอาหาร กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาทางแก้ไขปัญหาไข่แพง รวมถึงสินค้าข้าวของอื่นๆ ที่ได้มีการปรับราคาสูงขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อ

ที่มา:Delinewsonline




วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

นครราชสีมา- ชาวโคราชแห่ซื้อผลไม้จาก 3 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาดเดือดร้อน และถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ คาด 3 วันระบายผลไม้ได้ไม่น้อยกว่า 100 ตัน

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ชาวโคราชแห่ซื้อผลไม้จาก 3 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาดเดือดร้อน และถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ คาด 3 วันระบายผลไม้ได้ไม่น้อยกว่า 100 ตัน
       
       





วานนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครราชสีมา ว่า ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มเกษตรกรจาก 3 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ประกอบด้วย ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ นครศรีธรรมราช ได้นำผลไม้ทั้งทุเรียน ลองกอง เงาะ มังคุด สะตอ กาแฟ และผลิตภัณฑ์แปรรูป มาวางจำหน่ายในราคาย่อมเยา ภายในงาน “โครงการแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคใต้ปี 2556” ระหว่างวันที่ 7-9 ก.ย. นี้ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนชาว จ.นครราชสีมา มาเลือกซื้อกันเป็นจำนวนมาก และภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การแข่งขันกินผลไม้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน
       
       นายบุญถิ่น เดชสูงเนิน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากปัญหาผลผลิตผลไม้ของเกษตรกรทางภาคใต้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในช่วงนี้ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน และถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ ฉะนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ได้ประสานมายังสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา เพื่อช่วยกระจายสินค้าในโครงการแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคใต้ปี 2556 โดยจัดให้เกษตรกรทางภาคใต้นำผลไม้ และสินค้าอื่นๆ มาจำหน่ายให้แก่ประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา
       
       ทั้งนี้ เพื่อกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต และส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรทางภาคใต้ รวมถึงเปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้ผลิตผลไม้ได้พบปะกับผู้บริโภค และพ่อค้าใน จ.นครราชสีมาโดยตรง และเพื่อสร้างการบริหารระบบตลาด และลดความเสี่ยงทางการค้า และพัฒนาวิสาหกิจชุมชุนเข้าสู่รูปแบบการค้าใหม่ และยังเป็นการประชาสัมพันธ์สนับสนุนผลิตภัณฑ์ผลไม้ไทยที่มีคุณภาพให้เป็นที่รู้จัก และมั่นใจในการบริโภค
       
       “การจัดงานดังกล่าวจะมีต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) คาดว่าจะสามารถกระจายผลไม้จากภาคใต้ในช่วง 3 วันนี้ได้ไม่น้อยกว่า 100 ตัน จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวโคราช และจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาเลือกซื้อผลไม้คุณภาพดีจากเกษตรกรไปรับประทาน และเป็นของฝาก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทางภาคใต้ด้วย” นายบุญถิ่นกล่าว


ที่มา:manageronline




วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

อุดรธานี - ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง


ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี ชมทุ่งดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ความอุดมสมบูรณ์ที่ควรค่าแก่การศึกษา
เราๆ ท่านๆ คงเคยได้ยินชื่อของ “หนองหาน” กันมานานนม แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่สับสนหรือยังไม่รู้ว่าในภาคอีสานของเรานี้ ก็มีทั้ง “หนองหาน” สถานที่สำคัญประจำ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และ “หนองหาร” หนองน้ำใหญ่ที่มีตำนานผาแดงนางไอ่ และความเชื่อเรื่องพญานาค ใน จ.สกลนคร ที่ยังคงเล่าขานต่อเนื่องกันมา จนถึงทุกวันนี้
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง
หนองหาน ที่เราจะพาไปเที่ยวคราวนี้ คือ ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ใน อ.กุมภวาปี กับบางส่วนในพื้นที่ อ.ประจักษ์ศิลปาคมของ จ.อุดรธานี ความอุดมสมบูรณ์ของบึงหนองหานถือเป็นต้นแบบที่น่าสนใจต่อการศึกษาระบบ นิเวศน์วิทยา เพราะที่นี่ชัดเจนความสัมพันธ์ระหว่างพืชพรรณและสัตว์ กลับคืนมาเป็นผลิตผลให้ชาวบ้านได้เก็บเกี่ยวเลี้ยงชีพและหล่อเลี้ยงชุมชนจน เป็นภาพวิถีชีวิตของชาวหนองหานมานานปี กาลเวลาผ่านไปวิถีชาวบ้านกลายเป็นความงดงามตามธรรมชาติในยุคที่ผู้คนโหยหา สิ่งที่เลือนหาย ในขณะที่ความอุดมสมบูรณ์ของบึงหนองหานยังคงอยู่ วงจรชีวิตของ บัวแดง หรือ “บัวสาย” ที่บึงหนองหานจึงเป็นประจักษ์พยานถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ควรค่าแก่การศึกษา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบัวแดงที่บึงหนองหานจึงงอกงามทั่วท้องน้ำไปไกล สุดลูกหูลูกตานับเป็นหมื่นๆ ไร่ (นี่ยังไม่ถึงครึ่งของบึงเลยด้วยซ้ำ) เพื่อที่การชม ทุ่งทะเลบัวแดง แหล่งชมทุ่งดอกไม้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะได้เต็มอิ่มและเพลิดเพลินกว่าการนั่งเรือชมความงามอย่างเดียว
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง
เรามาสัมผัส ทะเลบัวแดง หนองหานภุมภวาปี ตามคำบอกเล่าของคนที่มาก่อนเรา และหอบความประทับใจกลับไปบอกต่อ และด้วยความที่ได้รับการโปรโมทจากททท.ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนแหล่ง ใหม่เริ่มจะคุ้นเคยในหมู่นักท่องเที่ยว ด้วยความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของดอกบัวที่ธรรมชาติรังสรรค์ เมื่อสีแดงอมชมพูของดอกบัวเบ่งบานขึ้นพร้อมๆ กัน ก็จะกลายเป็นภาพความงามอันวิจิตรสุดลูกลูกตาราวกับเนรมิตบนผืนผ้าใบ ขณะที่บรรยากาศโดยรอบบึงหนองหาน ก็สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำตาม ธรรมชาติด้วยพันธุ์ปลาน้ำจืด สายพันธุ์นกท้องถิ่น และพืชน้ำอีกจำนวนมากอันเป็นหัวใจของระบบนิเวศน์ที่หล่อเลี้ยง ทะเลบัวแดง และวิถีชุมชนให้ยั่งยืนจนถึงทุกวันนี้
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง
หากเราเป็นคนต่างถิ่นที่หลงเข้าไปใน อำเภอกุมภวาปี ช่วงราวๆ กลางเดือน – ปลายเดือนธันวาคม ของทุกปี เราอาจพบเห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่ของ ต.บ้านเดียม มาออกันอยู่เนืองแน่นบึงหนองหาน ก็เพราะในช่วงนี้ของทุกปีจะเป็นช่วงใกล้เวลาที่บึงหนองหานจะเปิดบ้านต้อนรับ นักท่องเที่ยวที่หลั่งใหลกันมาล่องเรือชม “ทะเลบัวแดง” ชาวบ้านเขาจึงเตรียมความพร้อมบึงหนองหานด้วยการร่วมแรงร่วมใจระดมเก็บ สาหร่ายกลางพื้นที่นับหมื่นไร่ เพื่อให้ดอกบัวแดงโผล่พ้นน้ำเบ่งบานงดงามอวดนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ใน ช่วงปีใหม่ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์นั่นเอง
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง
ในช่วงเดือนตุลาคม ถึง เดือนมีนาคม ของทุกปี ดอกบัวแดงในหนองหาน ซึ่งมีจำนวนมากจะงอกงามโผล่จากน้ำขึ้นมา โดยในเดือนตุลาคมบัวจะเริ่มแตกใบและเริ่มออกดอกตูมและบานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บัวจะออกดอกมีปริมาณมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ และค่อยๆ ลดปริมาณลงในเดือนมีนาคม และเข้าสู่ช่วง “บัวเน่า” หรือช่วงที่บัวเก่าล้มตายกลายเป็นอาหารของบัวชุดใหม่ ช่วงนี้เองจะมี “บัวหลวง” เข้ามาผลัดเปลี่ยนให้ความงามที่ต่างออกไป แต่ชาวบ้านจะชอบใจเพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวผลลิตจากบัวไปขายสร้างรายได้กลับ สู่ครอบครัว ก่อนที่บัวแดงชุดใหม่จะรอวันเติบโตแผ่ใบโผล่พ้นน้ำพร้อมกับดอกตูมให้เราตั้ง ตารอตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ช่วงเวลานั้นเองที่ถือว่าสัญญาณแห่งทะเลบัวแดงฤดูกาลใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง
การเดินทางไปชม ทะเลบัวแดง เพื่อความเพลิดเพลินเจริญใจอย่างคุ้มค่าควรมีการวางแผนตั้งแต่การเดินทางและเวลาที่เหมาะสมในการชม ด้วยธรรมชาติของดอกบัวสาย หรือบัวแดง นั้นจะบานในช่วงเช้าตรู่จนถึงเวลาประมาณ 11.00 น. ช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาที่ดอกบัวบานสวยที่สุด หากเป็นคนท้องถิ่นอุดรนั้นจะรู้ดีว่าถ้าใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 45 นาทีก็จะถึงบ้านเดียม แต่คนต่างถิ่นที่กลัวว่าการเดินทางจะเป็นอุปสรรค ที่ต.บ้านเดียมเขาก็เตรียมโฮมสเตย์ไว้รอต้อนรับด้วยบรรยากาศและการดูแลแบบ ชาวบ้านแท้ๆ
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง
การนั่งเรือชม ทะเลบัวแดง ที่นี่ต้องนับว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แม้จะมีเวลาให้ชมอย่างจำกัด (ราวๆ 45 นาที- 1 ชั่วโมงครึ่ง ตามแต่ประเภทของเรือที่เราเลือก) และหากดูเผินๆ เหมือนวิวรอบๆ ตัวจะมีแต่ดอกบัวสีแดงๆ แต่หากใช้หัวใจสัมผัสเพิ่มเติมจากสองตา จะเห็นความแตกต่างหลากหลายของบัวที่เติบโต เห็นนกกระสา นกกระยาง อ้อยอิ่งดิ่งขาละเลียดปลาในบึงอย่างไม่รีบร้อนเสมือนเป็นรังของมันเอง เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านเดียมที่ยังคงลอยเรือออกไปทำนา หาปลา ตัดอ้อย และหากเช่าเรือพิเศษที่มีบริการอาหารให้ทานบนเรือด้วยแล้วล่ะก็จะวิเศษสุดๆ เพราะเมนูรสแซ่บแบบอุดรทั้งส้มตำ ต้มยำปลาช่อน ตำไหลบัว จะยิ่งอร่อยขึ้นด้วยบรรยากาศที่หาจากบึงอื่นๆ อีกไม่ได้แล้วในตอนนี้
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง
และเมื่อถึงช่วงเดือนมกราคม ของทุกปี ที่ดอกบัวบานชูช่อแตกกอเต็มบึง ทางจังหวัดอุดรธานี เขาจะจัดเทศกาล ทะเลบัวแดงบาน หนองหานกุมภวาปีขึ้นเป็นประจำ และในปีนี้ก็เช่นกัน โดยงานจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 11-13 มกราคม ด้วยกิจกรรมสนุกๆ มากมาย อาทิ การประกวดวาดภาพและภาพถ่ายทะเลบัวแดง, การประกวดวงดนตรีโปงลาง พร้อมร่วมกันสักการะพระมหาธาตุเทพจินดาหรือพระธาตุบ้านเดียม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองของชาวบ้านเดียมเพื่อความเป็นสิริมงคล และแถมท้ายให้เป็นพิเศษสำหรับคู่รักที่เตรียมจะเข้าพิธีวิวาห์ ที่ทะเลบัวแดงเขาเตรียมจะเนรมิตบึงตระการตาให้กลายเป็นสถานที่จัดงานสมรส หมู่ที่โรมแนติกไปด้วยสีแดงอมชมพูของดอกบัวที่รับรองความหวานไม่แพ้ที่ไหนๆ ในช่วงวันวาเลนไทน์ในเดือนกุมภาพันธ์นี้อีกด้วย
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง
ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี ห่างจากจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 45 ก.ม. การเดินทางสามารถเดินทางจาก อ.เมืองอุดรธานี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-กุมภวาปี) ถึงกิโลเมตรที่ 26 เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางห้วยสามพาด-อำเภอประจักษ์ศิลปาคม ประมาณ 18 กิโลเมตร นอกจากทะเลบัวแดงแล้วที่ อำเภอกุมภวาปี และสำหรับรถประจำทาง ก็สามารถนั่งรถทัวร์กรุงเทพ-อุดรธานี แล้วไปลงที่อำเภอกุมภวาปี หลังจากนั้นก็เหมารถสองแถวในอำเภอมาเที่ยวเทศกาลดอกบัวแดง ใครที่ต้องการค้างคืนก็สามารถติดต่อบ้านพักโฮมสเตย์จากชาวบ้านได้ตลอดเวลา เช่นกัน
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี อันซีนแห่งสีสันธรรมชาติสร้าง    ภาพโดย คุณสุรพล สุภาวัฒนกุล
ลองได้ไปสัมผัส ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี กันดูสักครั้งแล้วจะเข้าใจว่า ทำไมตากล้องมือโปรทั้งหลายจึงรักที่จะมาถ่ายรูปกันนักหนา และทำไมใครที่เคยมาแล้วถึงอยากกลับมาใหม่ ถ้าไม่ใช่เพราะเสน่ห์อันเรียบง่ายของวิถีชาวบ้านเดียม ที่ซ่อนไว้ภายใต้กอบัว กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้…
ขอบคุณภาพจาก thaifishing.net / ททท. / phototech-mag.com




กุ้งฝอยนับล้านเดินขบวนวางไข่บนเทือกเขาพนมดงรัก ชาวบ้านเผยปัจจุบันมีน้อยลง เหตุคนจับไปขายในตลาดมากขึ้น

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม








            กุ้งฝอยนับล้านเดินขบวนวางไข่บนเทือกเขาพนมดงรัก ชาวบ้านเผยปัจจุบันมีน้อยลง เหตุคนจับไปขายในตลาดมากขึ้น

            วันที่ 5 กันยายน 2556 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า กุ้งฝอยน้ำจืดนับล้านเดินขบวนไปวางไข่ที่แก่งลำโดมใหญ่ บนเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาดูได้ยากและมีเพียงทีเดียวในประเทศไทย

            รายงานระบุว่า กุ้งฝอยเหล่านี้จะเดินขบวนเป็นสายฝ่าโขดหินและกระแสน้ำ เพื่อขึ้นไปวางไข่บนเทือกเขาพนมดงรัก เขตรอยต่อระหว่างไทย-กัมพูชา โดยในช่วงกันยายน-ตุลาคม เป็นช่วงน้ำมาก กุ้งฝอยจะพากันว่ายทวนกลับไปที่ต้นน้ำเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่ ซึ่งอุปสรรคสำคัญก็คือ กระแสน้ำเชี่ยวของน้ำตกแก่งลำดวน โดยระยะทางที่กุ้งฝอยเดินทางคาดว่าประมาณ 10-15 กิโลเมตรเลยทีเดียว

            อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านเปิดเผยด้วยว่า ปีนี้กุ้งฝอยมีจำนวนลดลงจากปีที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากมีคนจับกุ้งฝอยไปส่งขายตามตลาด ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เขต 2 จ.อุบลราชธานี ได้รณรงค์ให้ช่วยกันอนุรักษ์พันธุ์กุ้งฝอยให้ดำเนินชีวิตตามปกติและห้ามจับกุ้งฝอยในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ลำโดม เพื่อให้กุ้งฝอยได้วางไข่ขยายพันธุ์



      คลิป 'กุ้งฝอย' นับล้าน เดินขบวนวางไข่ 'เขาพนมดงรัก' : เครดิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณLAKORNHD ThaiTV




วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

นครพนม - ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโขงจับปลาไหลขายทำเงินริมทางคึกคัก

นครพนม - ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโขงจับปลาไหลขายทำเงินริมทางคึกคัก บางรายขายได้วันละเกือบ 2 พันบาท เผยปลาไหลธรรมชาติคนนิยมบริโภคทั้งต้มเปรต และผัดเผ็ด
     



       วานนี้ (3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนมว่า ที่บริเวณริมถนนหลวงสาย อ.ท่าอุเทน-อ.บ้านแพง จ.นครพนม เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขงช่วงบ้านพระทาย บรรยากาศจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองเสริมรายได้ชาวบ้านคึกคักมาก
     
       โดยชาวบ้านจะตั้งซุ้มริมทางหลายจุดนำสินค้าที่หาได้ในพื้นที่มา จำหน่ายแก่ประชาชนสัญจรริมทาง โดยสินค้าเด็ดขายทำเงินคึกคักมากในขณะนี้คือ “ปลาไหลน้ำโขง” นำมาบรรจุถุงขนาด 1 กิโลกรัมเฉลี่ย 10-15 ตัว
     
       เฉลี่ยซุ้มหนึ่งจะมีถุงปลาไหลห้อยขาย 10-15 ถุงแล้วห้อยแขวนไว้ในซุ่มให้ผู้ซื่นชอบแวะซื้อไปปรุงเป็นอาหารหรือกับแกล้ม เมื่อห้อยหมดก็บรรจุถุงห้อยขายไปเรื่อย
     
       นางสุธาวัล ทาธรรม แม่ค้าขายปลาไหลซุ้มริมทางบ้านนาพระซัย ต.นาพระซัย อ.ท่าอุเทน รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ปกติแล้วชาวบ้านจะตั้งซุ้มริมทางขายของป่าที่หาได้จากป่าชุมชน เช่น เห็ดป่า หน่อไม้ แต่ช่วงนี้จะเป็นช่วงขายปลาไหลทำเงินเนื่องจากตอนนี้น้ำโขงขึ้นสูงหนุนท่วม ป่าทามตามลำห้วยริมแม่น้ำโขง จึงทำให้มีปลาไหลจำนวนมาก
     
       โดยชาวบ้านจะจับปลาไหลได้มาก ใช้วิธีการใส่ลอบแล้วนำมาจำหน่ายให้พวกตนกิโลกรัมละ 70-80 บาท ซึ่งจะมีทั้งปลาไหลตัวใหญ่และตัวเล็กผสมกันก่อนที่พวกตนจะนำมาบรรจุถุงขาย ริมทางกิโลกรัมละ 120 บาท วันหนึ่งก็จะมีรายได้จากการขายปลาไหลเกือบ 2 พันบาท
     
       โดยปลาไหลที่ซื้อมาขายนั้นจะตายยาก ถ้าขายไม่หมดเราก็นำกลับบ้านไปขังในโอ่งไว้ก่อน ตามธรรมชาติปลาไหลเป็นปลาที่ตายยากอยู่แล้วและปลาไหลธรรมชาติลูกค้าจะนิยม ซื้อไปบริโภคเพราะมีรถชาติอร่อยมากกว่าปลาไหลเลี้ยง เมื่อนำไปต้มเปรต ผัดเผ็ด จะอร่อยมาก


ที่มา:manageronline












วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

ศรีสะเกษ - คู่แท้! คุณยายศรีสะเกษวัย 65 ปี นำลูกหลานแห่ขันหมากพร้อมสินสอด 50,900 บาท ไปเข้าพิธีวิวาห์กับคุณตาอายุ 82 ปี

ศรีสะเกษ - คู่แท้! คุณยายศรีสะเกษวัย 65 ปี นำลูกหลานแห่ขันหมากพร้อมสินสอด 50,900 บาท ไปเข้าพิธีวิวาห์กับคุณตาอายุ 82 ปี ที่ภรรยาเพิ่งเสียชีวิต ท่ามกลางญาติพี่น้องร่วมแสดงความยินดีจำนวนมาก เผยคบหาดูใจกัน 1 เดือน ก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ขณะลูกหลานดีใจที่สองตายายมีความสุข 
       
      








 เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า จะมีพิธีแต่งงานระหว่างสองตายายที่บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 7 บ้านบากเรือ ต.เมืองคง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ซึ่งฝ่ายเจ้าสาวเป็นคุณยายอายุ 65 ปี ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าว เป็นคุณตาอายุ 82 ปี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบว่า กำลังมีการแห่ขบวนขันหมาก โดยฝ่ายเจ้าสาวคือ คุณยายนงนุช โพธิ์งาม อายุ 65 ปี ได้แห่ขบวนขันหมากมายังบ้านของฝ่ายเจ้าบ่าว คือ คุณตาพรหม วรรณวงษ์ อายุ 82 ปี ซึ่งมีบรรดาลูกหลานญาติพี่น้องมาร่วมแห่ขบวนขันหมากกันอย่างคึกคัก
       
       จากนั้นได้จัดพิธีมงคลสมรสแบบเรียบง่าย โดยนำเเงินสินสอด จำนวน 50,900 บาท มาวางแล้วประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ ท่ามกลางสักขีพยานที่เป็นลูกหลานของทั้ง 2 ฝ่าย มาร่วมแสดงความยินดี บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น และสนุกสนาน โดยการแต่งงานครั้งนี้เจ้าสาวเป็นฝ่ายแห่ขันหมากนำสินสอดมาเข้าพิธีแต่งงานยังบ้านเจ้าบ่าว ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน
       
       คุณยายนงนุช โพธิ์งาม เจ้าสาววัย 65 ปี เปิดเผยว่า ตนเป็นหม้ายเพราะหย่าร้างกับสามีเก่ามานานประมาณ 19 ปีแล้ว และมีลูกด้วยกัน 3 คน เป็นผู้หญิง 1 คน ชาย 2 คน คนโตเป็นผู้หญิงไปเปิดกิจการร้านอาหารอยู่ที่ประเทศสวีเดน และน้องชาย 2 คน ได้ตามไปอยู่ด้วย ตนต้องอยู่เฝ้าบ้านเพียงลำพังจึงรู้สึกเหงามาก เกรงว่าหากเกิดเจ็บป่วยจะไม่มีใครดูแลรักษาจึงได้ตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่กับ คุณตาพรหม หลังจากที่ได้คบหาดูใจกันมานานประมาณ 1 เดือนเศษ
       
       “เดิมทีตกลงกันว่าจะจัดพิธีแต่งงานกันหลังออกพรรษาแล้ว แต่ทนรบเร้าเร่งรัดการแต่งงานจากเจ้าบ่าวไม่ไหว จึงได้โทรศัพท์ไปพูดคุยเรื่องนี้กับลูกสาวลูกชายที่อยู่ประเทศสวีเดน ปรากฏว่า ลูกสาวและลูกชายไม่ขัดข้องที่แม่จะแต่งงานใหม่ แต่เราเป็นฝ่ายหญิงจึงต้องมีการจัดพิธีแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณีของไทย” คุณยายนงนุช กล่าว
       
       ด้าน คุณตาพรหม วรรณวงษ์ เจ้าบ่าววัย 82 ปี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนมีภรรยาอยู่กินกันมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ต่อมาภรรยาได้เสียชีวิตเมื่อช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา อีกทั้งลูกชายของตนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว และลูกสะใภ้ได้ย้ายไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนลูก และหลานสาวก็ไปทำงาน และเรียนหนังสืออยู่ต่างจังหวัด ตนไม่มีใครคอยดูแลจึงได้คิดหาคู่ครองใหม่ และได้พบกับเจ้าสาวโดยมีญาติของเจ้าสาวพาไปรู้จัก
       

       “เมื่อไปพบกันครั้งแรกก็ชอบทันทีเพราะเจ้าสาวสวยมาก และชอบทำบุญด้วย คบหากันมานานประมาณ 1 เดือน จึงได้ตัดสินใจจัดพิธีแต่งงานขึ้นในวันนี้” คุณตาพรหมกล่าว
       
       นายประวิทย์ คำจันทร์ อดีตรองนายก อบต.เมืองคง ซึ่งเป็นหลานชาย คุณตาพรหม เจ้าบ่าว เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ทั้งคุณตาและคุณยายได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 คน ได้ดูแลซึ่งกันและกัน ลูกหลานทั้ง 2 ฝ่าย จะได้สบายใจที่คุณตาและคุณยายมีความสุข ซึ่งตนและลูกหลานทุกคนจะคอยเข้ามาช่วยดูแลหากเจ็บไข้ได้ป่วย เพื่อให้ทั้งคุณตาและคุณยายใช้ชีวิตคู่ร่วมกันไปตราบนานเท่านาน

ที่มา:manageronline