วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อุบลราชธานี - หมอเตือนซื้อเครื่องกันหนาวมือสองต้องต้มก่อนนำมาใช้ป้องกันโรคติดต่อทางผิว หนัง พร้อมชี้ความเชื่อดื่มสุราคลายหนาวเป็นตัวการทำให้ตายได้








อุบลราชธานี - หมอเตือนซื้อเครื่องกันหนาวมือสองต้องต้มก่อนนำมาใช้ป้องกันโรคติดต่อทางผิว หนัง พร้อมชี้ความเชื่อดื่มสุราคลายหนาวเป็นตัวการทำให้ตายได้
     
       วานนี้ (29 ต.ค.) นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.อุบลราชธานี กล่าวถึงการซื้อเสื้อผ้ากันหนาวมือสองมาใช้ว่า ต้องนำมาต้มในน้ำเดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรคติดต่อผ่านทางผิวหนัง เช่น โรคกลาก โรคเกลื้อน ซึ่งอาจติดมาจากเครื่องนุ่งห่ม จึงควรทำความสะอาดก่อน
     
       ส่วนประชาชนบางส่วนมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการดื่มสุราช่วยคลายหนาวนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากสุราทั่วไปมีเอทิลแอลกอฮอล์ที่กินได้ผสมอยู่ 60% หากดื่มมากหรือนานแอลกอฮอล์จะไปกดประสาทส่วนกลาง ทำให้มีอาการง่วง ซึม และหมดสติ ถ้าผู้ดื่มอยู่ในพื้นที่อากาศหนาวเย็น ความเย็นทำให้ร่างกายมีความหนืดมากขึ้น การไหลเวียนของโลหิตลำบาก เมื่ออวัยวะขาดออกซิเจน หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้
     
       ทั้งนี้ ช่วงต้นฤดูหนาวทุกปีประชาชนเจ็บป่วยได้ง่ายหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เพราะร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ต้องระมัดระวังป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ หอบหืด หลอดลมอักเสบ รวมถึงปอดบวม จึงต้องสวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายอย่างเพียงพอ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422
       

       สำหรับ จ.อุบลราชธานี มีอากาศเย็น อุณหภูมิ 21-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือมีความเร็ว 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยอดภูมีอากาศหนาว 11-17 องศาเซลเซียส


ที่มา:manageronline





วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เลย - ผู้ว่าฯ เปิดฤดูท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูเรือ ประกาศหนาวนี้เที่ยวเลยทั้งวันทั้งคืน คาดยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มอีก 30%

 เลย - ผู้ว่าฯ เปิดฤดูท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูเรือ ประกาศหนาวนี้เที่ยวเลยทั้งวันทั้งคืน คาดยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มอีก 30%
     
   วานนี้ (21 ต.ค.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า ช่วงนี้สภาพอากาศใน จ.เลยเริ่มหนาวเย็นแล้ว ตามยอดภูมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวอย่างต่อเนื่อง เช่น อุทยานแห่งชาติภูเรือ อ.ภูเรือ ซึ่งช่วงนี้จะมีทะเลหมอก โดยช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์มีนักท่องเที่ยววันละ 4,000-5,000 คน

      ซึ่งวันนี้อุณหภูมิบนยอดภูเรืออยู่ที่ 12-14 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวจึงไม่ผิดหวังกับอากาศที่เริ่มหนาวเย็นและชมพระอาทิตย์ขึ้น
      นายวิโรจน์กล่าวว่า ช่วงฤดูหนาวนี้ภูเรือจะมีเทศกาล “ลานคริสต์มาส และเทศกาลโคมไฟ” สามารถเที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนที่มี 1.3 ล้านคน
 











ที่มา:manageronline

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นครราชสีมา - โคราชยังวิกฤตน้ำท่วม พายุ “นารี” ส่งผลฝนตกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ถนนหลายสายจมบาดา






นครราชสีมา - โคราชยังวิกฤตน้ำท่วม พายุ “นารี” ส่งผลฝนตกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ถนนหลายสายจมบาดาล โดยเฉพาะเส้นราชสีมา-โชคชัย เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขปัญหา
      
       เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (17 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมหลังเกิดฝนตกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จากอิทธิพลของพายุ “นารี” ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหลายพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงหลักกิโลเมตรที่ 26-27 บ้านท่าอ่าง ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย ขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมา ได้มีน้ำท่วมขังบนพื้นผิวการจราจรเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร โดยมีน้ำท่วมขังสูงเกือบ 50 เซนติเมตร ทำให้รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถขับผ่านได้
      
       เจ้าหน้าที่สำนักบำรุงทางนครราชสีมา ที่ 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรโชคชัย และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัย ฮุก 31 ประจำจุดอำเภอโชคชัย จึงได้ทำการปิดการจราจรไป 1 ช่องทาง โดยเปิดช่องทางพิเศษเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมกับได้มีการนำรถตักดินขนาดใหญ่จำนวน 2 คันมาทำการขุดดินบริเวณริมถนน เพื่อช่วยเปิดทางระบายน้ำให้น้ำไหลลงคลองธรรมชาติได้เร็วขึ้น
      
       แต่เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด
      
       นายจักรกฤษณ์ บุญเรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักงานบำรุงทางนครราชสีมา ที่ 3 กล่าวว่า น้ำที่ท่วมบนพื้นผิวการจราจรในครั้งนี้เกิดจากน้ำฝนที่ตกลงมาติดต่อกันนาน หลายชั่วโมง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขัง ตนจึงได้นำรถตักดินขนาดใหญ่มาทำการเปิดทางระบายน้ำริมถนน เพื่อให้น้ำไหลลงไปสู่คลองธรรมชาติ แต่เนื่องจากฝนตกลงมาติดต่อกันทำให้ระดับน้ำไม่ลดลง
      
       ตนจึงต้องปิดการจราจรไป 1 ช่องทาง พร้อมกับเปิดช่องทางพิเศษเพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ซึ่งตลอดทั้งคืนนี้ตนพร้อมเจ้าหน้าที่จะช่วยกันเปิดทางระบายน้ำให้มากที่สุด เพื่อให้น้ำลดและเปิดการจราจรได้ตามปกติ
      
       นายจักรกฤษณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน หากพบเห็นถนนหลวงชำรุด หรือมีน้ำท่วมขังบนพื้นผิวการจราจรก็ขอให้ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง หรือแจ้งข้อมูลมาได้ที่ สำนักบำรุงทาง นครราชสีมาที่ 3 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา หรือโทร. 0-4421-2200 หรือที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
      
       นอกจากนี้ยังมีน้ำท่วมขังสูงในหมู่บ้านจามจุรี เลควิว หมู่ 10 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ที่มีทหารกองทัพภาคที่ 2 คอยให้บริการอำนวยความสะดวกในการเข้าออกหมู่บ้าน ขณะที่บริเวณหน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 ยังคงมีน้ำท่วมสูงประมาณ 30-50 ซม. เป็นระยะทางกว่า 1 กม. ประชาชนต้องใช้ความระมัดระวังในการสัญจรเป็นพิเศษ
      
       เนื่องจากช่วงเช้ามีประชาชนใช้เส้นทางในการสัญจรค่อนข้างมาก ทำให้รถเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ และต้องระมัดระวังเนื่องจากแรงกระเพื่อมของน้ำอาจทำให้รถเล็กเกิดอุบัติเหตุ ได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและติดป้ายให้ใช้ความระมัดระวังตลอด เส้นทาง

ที่มา:manageronline


วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

“นารี” ทำบุรีรัมย์ฝนตกต่อเนื่อง เตือนพื้นที่เสี่ยงริม “น้ำมูล” รับมือท่วมฉับพลัน






บุรีรัมย์ - อิทธิพลพายุ “นารี” กระทบบุรีรัมย์ฝนตกกระจายทั่วทั้งจังหวัดตลอดทั้งคืนต่อเนื่องถึงวันนี้ ส่งผลน้ำท่วมขังถนนหลายสายในเขตเทศบาลเมือง ขณะ ปภ.เตือนพื้นที่เสี่ยงภัยติดริมน้ำมูลเตรียมรับมือภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม 5 อำเภอที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นเขื่อนยังไม่คลี่คลาย
      
       วันนี้ (16 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่น “นารี” ที่เคลื่อนขึ้นฝั่งเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม และได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำที่แผ่เข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียง เหนือของประเทศไทยส่งผลให้มีฝนตกหลายจังหวัดทางภาคอีสาน เช่นเดียวกับที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้มีฝนตกกระจายทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัด ตลอดคืนที่ผ่านมายาวมาจนถึงช่วงบ่ายของวันนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังถนนหลายสายในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เช่น ถนนสายปลัดเมือง ถนนแสนสุข และถนนหน้าสถานีขนส่งผู้โดยสาร สูงประมาณ 30 เซนติเมตร ทำให้รถสัญจรผ่านไปมาด้วยความลำบาก โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์บางคันขับลุยน้ำจอดเสียกลางถนน
      
       สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เนื่องจากมีสิ่งปฏิกูล หรือเศษขยะอุดตันท่อระบายน้ำ ทำให้น้ำไหลไม่สะดวกและเกิดปัญหาน้ำท่วมขังดังกล่าว ซึ่งหากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีกคาดว่าภายใน 1-2 ชั่วโมงน้ำที่เอ่อท่วมขังถนนก็จะลดลงเป็นปกติ
      
       ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมบ้านเรือน ถนน และไร่นาในพื้นที่ อ.โนนดินแดง อ.นางรอง อ.ชำนิ อ.หนองกี่ และ อ.ลำปลายมาศ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่เอ่อล้นสปิลเวย์เขื่อนลำนางรอง อ.โนนดินแดง และอ่างเก็บน้ำอีกหลายแห่ง ล่าสุดขณะนี้สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ยังคงมีน้ำท่วมขังตามบ้านเรือน ถนน และไร่นา เกือบ 2 สัปดาห์แล้ว

      
       นายสนธยา คุ้มชุ่ม นายช่างชลประทานอาวุโส โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนลำนางรอง กล่าวว่า ปัจจุบันน้ำในเขื่อนยังมีปริมาณเกินกักเก็บกว่า 3.7 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณความจุอ่าง 121 ล้านลูกบาศก์เมตร และคาดว่าอิทธิพลจากพายุนารีจะทำให้มีฝนตกและปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นไม่ เกิน 6 ล้านลูกบาศก์เมตร
      
       ขณะที่ นายณัฐวัฒน์ อ่อนสุวรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผย ว่า ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยที่อาศัยอยู่ติดริมน้ำมูล เช่น อ.สตึก อ.แคนดง อ.พุทไธสง อ.คูเมือง เตรียมพร้อมรับมือภาวะน้ำท่วมฉับพลัน โดยให้เตรียมขนย้ายสิ่งของหรือสัตว์เลี้ยงขึ้นบนที่สูงเพื่อป้องกันความเสีย หายที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ด้วย




ที่มา:manageronline




วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อุบลราชธานี - ตำรวจจราจร สภ.เมือง ตั้งด่านไล่แจกหมวกกันน็อกให้ประชาชนขณะขับขี่แทนการให้ใบสั่ง เนื่องในวันตำรวจ




อุบลราชธานี - ตำรวจจราจร สภ.เมือง ตั้งด่านไล่แจกหมวกกันน็อกให้ประชาชนขณะขับขี่แทนการให้ใบสั่ง เนื่องในวันตำรวจ
      
       สายวานก่อน (13 ต.ค.) พ.ต.ท.สุพจน์ จงอุตส่าห์ รอง ผกก.จราจร สภ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อมตำรวจจราจรกว่า 50 นาย ตั้งด่านตามถนนในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เพื่อแจกหมวกกันน็อกให้ประชาชนที่ขับขี่รถผ่านไปมาโดยไม่มีหมวกกันน็อกสวม ใส่ โดยเฉพาะคนซ้อนท้าย ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายบังคับให้ผู้นั่งซ้อนท้ายต้องสวมหมวกกันน็อกเช่นเดียวกับผู้ขับ
      
       ทั้งนี้ ด้วยความเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพของประชาชนในการใช้รถใช้ถนน และเนื่องในวันตำรวจ จึงนำหมวกกันน็อก 199 ใบ มอบให้ประชาชนแทนการออกใบสั่ง
       

       สำหรับสถิติจากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ Thai Rsc รายงานยอดอุบัติเหตุสะสมปี 2556 มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทั้งประเทศ 461,633 ราย เสียชีวิต 5,530 ราย เฉพาะ จ.อุบลราชธานี มีอุบัติเหตุ 5,092 ครั้ง เสียชีวิต 578 คน หรือเฉลี่ยวันละเกือบ 2 คน โดยอุบัติเหตุที่ทำให้เสียชีวิตมากที่สุด คือ การขับขี่รถจักรยานยนต์



ที่มา:manageronline




วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

น้ำล้นเขื่อนลำพระเพลิงทะลักท่วมเมืองปักธงชัย











ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - น้ำล้นเขื่อนลำพระเพลิงทะลักท่วมเมืองปักธงชัย เขตเศรษฐกิจสถานที่ราชการอ่วม ปชช.เดือดร้อนกว่า 7,500 คน พื้นที่ทางการเกษตรจมใต้น้ำกว่า 20,000 ไร่ ล่าสุดมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ อ.โชคชัย ต่อเนื่อง ชาวบ้านแตกตื่นแห่ดูน้ำในเขื่อนผวาซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี’ 53 ห่วงนาข้าวที่ตั้งท้องตายยกทุ่ง 
       
       เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (10 ต.ค.) นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี นายอำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.ปักธงชัย ว่า หลังเกิดฝนตกต่อเนื่องทำให้น้ำในเขื่อนลำพระเพลิงล้นสปิลเวย์ และไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ใต้เขื่อน โดยเฉพาะนาข้าว พืชไร่ บ่อเลี้ยงปลา บ้านเรือนประชาชน ได้รับผลกระทบจำนวน 89 หมู่บ้าน 11 ตำบล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,462 ครัวเรือน 7,558 คน ที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วม 819 หลัง นาข้าวและพืชไร่พืชสวน ถูกน้ำท่วม กว่า 20,000 ไร่ บ่อปลาเสียหาย 100 บ่อ และไก่ตาย 1,450 ตัว
       
       โดยน้ำได้ไหลเข้าท่วมตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาและจนถึงขณะนี้น้ำยังคงท่วมขังในหลายพื้นที่ โดยมวลน้ำก้อนใหญ่ ได้ไหลเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ สถานที่ราชการในเขตเทศบาลปักธงชัยตั้งแต่เมื่อวานนี้ ( 9ต.ค.) ระดับน้ำสูงกว่า 50 ซม. และค่อย ๆ ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง วันนี้เหลือน้ำที่ยังท่วมขังในตลาดปักธงชัยเพียงบางส่วน คาดว่าเฉพาะเขตเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1-2 วันนี้
       
       นายภูมิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ พยายามเร่งแก้ไขปัญหา โดยการเบี่ยงมวลน้ำที่ไหลลงมาจากอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงให้ไหลไปตามลำสำลาย ไม่ให้เข้ามาเพิ่มเติมในเขตเศรษฐกิจตัวเมืองปักธงชัยอีก ซึ่งมวลน้ำก้อนใหญ่นั้นขณะนี้ได้ไหลผ่านอำเภอปักธงชัยเข้าไปท่วมในพื้นที่ อ.โชคชัยแล้ว
       

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าน้ำก้อนใหญ่ไหลผ่านไปแล้วก็ตาม แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนลำพระเพลิงขณะนี้อยู่ที่ 120 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากขนาดความจุ 110 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งยังเกินระดับการกักเก็บอยู่ 10 ล้านลบ.ม. ซึ่งจำเป็นต้องระบายลงไปตามลำคลองอีกรวมถึงรับมือกับพายุลูกใหม่ที่จะเข้ามาอีกในสัปดาห์หน้า โดยขณะนี้ทางเขื่อนได้ระบายน้ำวันละประมาณ 5-6 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้นพื้นที่ใต้เขื่อนยังมีน้ำท่วมต่อเนื่องไปอีกสักระยะจากนั้นทางเขื่อนจะค่อย ๆ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งวันนี้ชาวบ้านใน อ.โชคชัย ได้พากันขับรถยนต์มาดูน้ำในเขื่อนลำพระเพลิง เนื่องจากเกรงว่ามวลน้ำก้อนใหญ่ที่ไหลจาก อ.ปักธงชัน จะเข้าท่วมในพื้นที่ อ.โชคชัย อย่างหนัก นายบุญช่วย มวยกระโทก อายุ 69 ปี ชาวบ้านบึงทับปรางค์ ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนและประกาศแจ้งเตือนจากผู้ใหญ่บ้าน รู้สึกไม่สบายใจ เพราะจะมีมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลจากอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มาท่วมใน อ.โชคชัย ซึ่งข้าวที่ตนและเพื่อนบ้านปลูกไว้ตอนนี้กำลังตั้งท้องจึงเป็นห่วงและกังวลใจ หากมีน้ำท่วมสูงอาจทำให้นาข้าวได้รับความเสียหายทั้งหมด
       
       “ จึงชวนกันขับรถมาดูน้ำในเขื่อนลำพระเพลิงซึ่งดูปริมาณน้ำแล้ว ยังไม่มากเท่าปี 2553 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในโคราช จึงสบายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่เชื่อว่าทางราชการคงจะเร่งระบายน้ำลงสู่ลำน้ำมูลเพื่อไม่ให้ท่วมขังอยู่นาน เกรงว่าต้นข้าวจะเน่าตายเสียหายหมด ” นายบุญช่วย กล่าว

ที่มา:manageronline



วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556






นครพนม - ปลายฝนต้นหนาว ชาวบ้านใน อ.นาหว้าเริ่มอาชีพพิสดาร จับไส้เดือนตากแห้ง ขายทำเงินกิโลกรัมละ 400 บาท
      
       วันนี้ (7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนมว่า ช่วงปลายฝนต้นหนาว ชาวบ้านดอนศาลา ต.บ้านตาล อ.นาหว้า หลายหลังคาเรือนเริ่มทำอาชีพพิสดาร โดยออกหาจับไส้เดือนมาตากแห้งขายทำเงินได้กิโลกรัมละ 400 บาท เฉลี่ยเดือนละนับหมื่นบาท ซึ่งชาวบ้านที่นี่ทำมากว่า 20 ปีแล้ว
      
       นางวันดี ใสส่อง ชาวบ้านดอนศาล ที่ยึดอาชีพทำไส้เดือนตากแห้งขาย เปิดเผยว่า ทุกปีช่วงปลายฝนต้นหนาวนาข้าวตั้งท้องออกรวงอ่อน เป็นช่วงที่ชาวบ้านหลายหมู่บ้านจะทำไส้เดือนตากแห้ง โดยจะออกหาไส้เดือนตามป่าและนาข้าว ซึ่งผิวดินนาข้าวจะแห้งชื้นและเย็น ไส้เดือนจะออกจากรูขึ้นมาบนผิวดินจำนวนมากช่วงเวลา 04.00-05.00 น. หรือที่เรียกว่าไส้เดือนหนีหนาว
      
       “เราตระเวนเก็บเอาไส้เดือนใส่คุ วันหนึ่งจะหาได้ 5-6 กิโลกรัม กลับมาที่บ้านก็จะใช้แท่งเหล็กผ่าเอาดินในท้องไส้เดือนออกแล้วนำมาล้างน้ำ ให้สะอาด ก่อนจะนำไปวางแผ่ในแผ่นไม้จักสานตากแดดให้แห้งใช้เวลา 1 วัน โดยไส้เดือนดิบจำนวน 5-6 กิโลกรัม เมื่อผ่านวิธีตากแห้งจะได้น้ำหนัก 3 กิโลกรัม”
       

       นางวันดีกล่าวว่า จะมีพ่อค้ามารับซื้อไส้เดือนตากแห้งถึงบ้านกิโลกรัมละ 400 บาท วันหนึ่งมีรายได้กว่า 1,000 บาท เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท โดยชาวบ้านที่นี่ทำไส้เดือนตากแห้งตั้งแต่หน้าหนาวจนถึงหน้าร้อน


ที่มา:manageronline