|
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เลย - เปิดแล้วเทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 2 นายอำเภอภูเรือ คาดอนาคตน่าจะท่องเที่ยวพักผ่อนได้ทั้งปี เผยรายได้จากการท่องเที่ยวเมืองเลยสูงกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งยังเป็นเมืองแห่งการเพาะต้นคริสต์มาสที่ใหญ่สุดในประเทศ
วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
สุรินทร์ - โจรอาละวาดขับปิกอัพตระเวนลักข้าวเปลือกชาวนาเมืองช้างที่ตากไว้ริมถนนกว่าครึ่งตันหนีลอยนวล
สุรินทร์ - โจรอาละวาดขับปิกอัพตระเวนลักข้าวเปลือกชาวนาเมืองช้างที่ตากไว้ริมถนนหนีลอยนวล เผยอยู่ห่างโรงพักแค่ 1 กม.และนอนเฝ้าทุกคืนแต่ไม่รอดเงื้อมมือโจร สูญข้าวหอมมะลิไปกว่า 500 กก. ซ้ำเติมทุกข์กู้เงินมาลงทุนเช่านาปลูกข้าว ด้าน ตร.วิทยุสั่งสกัดกลับไร้วี่แวว ขณะชาวนาทำได้เพียงสาปแช่งโจรให้ตายตกนรก
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านตาพุท ต.ปราสาททอง อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีกลุ่มคนร้ายขับรถยนต์ตระเวนขโมยข้าวเปลือกของเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวแล้วนำมาตากไว้บริเวณริมถนนสายบ้านตาพุท-บ้านตากูก ต.ปราสาท ห่างจากสถานีตำรวจภูธรตากูกประมาณ 1 กิโลเมตร
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึง พบว่าเกษตรกรที่ถูกขโมยข้าวเปลือก คือ นายสมุห์ ยืนยาว อายุ 60 ปี บ้านตาพุท ต.ปราสาท กำลังพาญาติพี่น้องมาเก็บข้าวเปลือกที่เหลือบรรจุกระสอบเพื่อนำกลับไปไว้ที่บ้าน โดยนายสมุห์บอกว่า ตนเช่าที่นาเขาปลูกข้าวหอมมะลิจำนวน 15 ไร่ และเพิ่งว่าจ้างรถเกี่ยวข้าวราคาไร่ละ 650 บาท แต่ข้าวมีความชื้นสูงจึงนำมาตากแดดไว้บนริมถนนหลวง และนอนเฝ้าข้าวเปลือกทุกคืน แต่นอนห่างจากจุดตากข้าวประมาณ 600 เมตร โดยในช่วงก่อนรุ่งสางวันนี้ (22 พ.ย) เวลาประมาณ 04.00 น. มีชาวบ้านที่มานอนเฝ้ารถยนต์เกี่ยวข้าวตื่นมาเพื่อเดินทางกลับเข้าบ้านพบคนร้าย 3 คนกำลังช่วยกันขนข้าวเปลือกของตนขึ้นรถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ แบบแค็บ สีดำ จำหมายเลขทะเบียนรถไม่ได้ และเมื่อเห็นคนมาพบจึงพากันรีบขับรถหลบหนีไปทางด้านบ้านปราสาททอง มุ่งหน้าสู่ อ.เขวาสินรินทร์
เมื่อตนตื่นขึ้นมาไปตรวจสอบ พบว่าข้าวเปลือกที่ตากกองไว้หายไปจำนวนมากกว่า 500 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1 หมื่นบาท จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากูกมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ได้วิทยุแจ้งให้ตำรวจ สภ.ใกล้เคียงช่วยสกัดจับคนร้าย แต่ไม่สามารถจับกุมได้
“เสียใจมากที่ถูกคนร้ายขโมยข้าวเปลือกไป เพราะเป็นหนี้กู้เงินเขามาลงทุนทำนา ทั้งค่าปุ๋ย ค่ารถไถ รถเกี่ยวข้าว ตั้งใจว่าเมื่อตากข้าวแห้งแล้วจะนำไปขายได้ราคากิโลกรัมละ 20 บาทเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ ที่เหลือจะเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่กลับมาถูกคนร้ายขโมยข้าวไปจำนวนมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงนำหมากพลูมาทำพิธีสาปแช่งคนที่มาขโมยข้าวไป ให้รถคว่ำตายตกนรก หรือทำมาหากินไม่เจริญ ตกทุกข์ได้ยาก ลำบากยากจนมากกว่าตนหลายเท่าตัว” นายสมุห์กล่าว
ที่มา:Manageronline
วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
หนองคาย - ชาวนากางมุ้งนอนดักโจรตระเวนขโมยข้าวเปลือกที่ชาวนาตากไว้
หนองคาย ชาวนากางมุ้งนอนดักโจรตระเวนขโมยข้าวเปลือกที่ชาวนาตากไว้ |
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามถนนเส้นทางต่างๆ
ในหลายพื้นที่ของจังหวัดหนองคาย ชาวนาต่างนำข้าวเปลือกมาตากแดดบนท้องถนน
เพื่อไล่ความชื้น ป้องกันโรงสีกดราคาหักค่าความชื้น
ซึ่งในช่วงนี้เองมักพบกลุ่มมิจฉาชีพถือโอกาส
ออกตระเวนขโมยข้าวเปลือกที่ชาวนาตากไว้
ทำให้ชาวนาต้องหอบที่นอนมานอนเฝ้าข้าวที่ตาก โดยใช้เวลาเฉลี่ย 4-5 วัน
เพื่อเฝ้าระวังกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวที่อาจจะเข้ามาลักขโมยในช่วงนี้
นายสุจิตร จุมภลักษ์ อายุ 45 ปี
ชาวนาในพื้นที่ตำบลท่าบ่อ อำเภอหนองคาย กล่าวว่า
ตนพร้อมครอบครัวต้องผลัดเปลี่ยนกันมานอนเฝ้าข้าวที่นำมาตากไว้ริมทาง
เพื่อให้ข้าวที่ใช้รถเกี่ยวแห้ง
ก่อนนำส่งขายและส่วนหนึ่งเก็บไว้กินในครอบครัว
โดยตนและครอบครัวต้องหอบที่นอนมานอนเฝ้าบนเถียงนา
เฝ้าข้าวที่ตากไว้
เพื่อระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่มักฉกฉวยโอกาสตอนกลางดึกที่ทุกคนนอนหลับกันหมด
จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็จะมาขโมยข้าวที่ตากไว้ไปขาย
ไม่แค่ครอบครัวของตนเท่านั้นที่ต้องนอนเฝ้าข้าวที่ตากไว้ เพื่อนบ้านคนอื่นๆ
ก็ทำเช่นกัน
ส่วน นายสนิท อุ่นคำแก้ว อายุ 62 ปี ชาวนาในพื้นที่
อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ตนเก็บเกี่ยวข้าวโดยใช้รถเกี่ยวข้าว
ทำให้ได้เมล็ดข้าวที่ยังมีความชื้นสูง ต้องตากให้แห้งก่อน
ไม่มีที่จะตากเลยนำมาตากที่ริมถนนใช้เวลาในการตากประมาณ 4 วัน
ถึงขนไปเก็บในยุ้งฉาง และตนกับครอบครัวก็ต้องมานอนเฝ้าข้าวเหมือนกัน
ตนพอใจกับผลผลิตข้าวปีนี้มาก
ช่วงนี้ราคาข้าวถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
ข้าวเปลือกหอมมะลิ กิโลกรัมละ 15 บาท
ตนไม่ได้เข้าโครงการรับจำนำข้าวกับรัฐบาล
วันนี้จะเก็บข้าวเปลือกขนเข้ายุ้งฉางเพื่อรอนำไปขายใช้หนี้ที่หยิบยืมมาทำนา
หลายหมื่นบาท เฉพาะค่าปุ๋ยก็ตกไปสองหมื่นบาทแล้ว
อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวนาโดยการปรับราคาให้สูงขึ้นตรงกับต้นทุนการผลิต
และภาระหนี้สิน กิโลกรัมละกว่า 20 บาท หรือตันละ 20 ,000 บาท
ปัจจุบันได้เพียงตันละ 16,000- 17,000 บาท เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลข่าว : พงษ์ศักดิ์ เทพบุตรดี / อีสานไกด์ ดอทคอม เรียบเรียง
|
วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
สุรินทร์ - ชาวบ้านชายแดนสุรินทร์เร่งช่วยกันเสริมกำแพงหลุมหลบภัยให้หนาแน่นรับมือภัยสู้รบเขมรกรณีศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร
สุรินทร์ - ชาวบ้านชายแดนสุรินทร์เร่งช่วยกันเสริมกำแพงหลุมหลบภัยให้หนาแน่นรับมือภัยสู้รบเขมรกรณีศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ชี้เพื่อความไม่ประมาทแม้สถานการณ์ในพื้นที่จะปกติ ขณะนักเรียนซ้อมวิ่งหนีตายเข้าหลุมหลบภัยทุกวัน ด้านทหารไทยพิลึก สั่งห้าม ปชช. นักข่าวบันทึกภาพบริเวณปราสาทตาเมือนธม-ตาควาย อ้างหวั่นเป็นการยั่วยุเขมร
วานนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันนี้ชาวบ้านตาเมียง ม.1 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ต่างเร่งช่วยกันบรรจุดินใส่กระสอบปุ๋ยเพื่อเสริมกั้นรอบหลุมหลบภัยคอนกรีตให้มีความหนาแน่นแข็งแรงมากขึ้น สามารถป้องกันวิถีกระสุนและสะเก็ดระเบิดได้รอบทิศทางหากเกิดสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่อาจเกิดขึ้นได้จากกรณีศาลโลกกำหนดตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ตามคำร้องของฝ่ายกัมพูชา ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ เช่นที่เคยเกิดการสู้รบอย่างรุนแรงขึ้นเมื่อปี 2554
ถึงแม้หน่วยงานทหารในพื้นที่ยังยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนยังคงปกติและทหารไทย-กับกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีและประสานงานกันอยู่ตลอดเวลาก็ตาม เพราะบ้านตาเมียงเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านกลุ่มปราสาทตาเมือนธม ไม่มากนัก
ทั้งนี้ การซ่อมแซมปรับปรุงหลุมหลบภัยดังกล่าวเป็นแผนการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ของทางจังหวัดสุรินทร์ ที่กำชับให้อำเภอติดชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย อ.พนมดงรัก อ.กาบเชิง อ.สังขะ และ อ.บัวเชด ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนเตรียมความพร้อมอยู่ในความไม่ประมาท และให้ผู้นำชุมชนชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับกระแสข่าวสถานการณ์ชายแดนต่างๆ และให้ติดตามเชื่อฟังเฉพาะผู้นำชุมชนและหน่วยราชการของอำเภอในพื้นที่นั้นๆ
นายปิ่น เปรียบวารี อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ม.1 ต.ตาเมียง กล่าวว่า ชาวบ้านมาร่วมแรงร่วมใจกันซ่อมปรับปรุงเสริมหลุมหลบภัยมา 2 วันแล้ว ส่วนดินและถุงปุ๋ยบรรจุทราย ชาวบ้านช่วยบริจาคกันเอง โดยใช้ไปแล้วกว่า 500 ถุง และยังขาดแคลนอีกมากที่ยังไม่เพียงพอ โดยส่วนตัวไม่รู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ชายแดน และเชื่อว่าจะไม่เกิดสงครามขึ้น เพราะมั่นใจในรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
นายอภินพ อนุกูล ผู้ใหญ่บ้านตาเมียง ต.ตาเมียง กล่าวว่า การปรับปรุงซ่อมแซมหลุมหลบภัย เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตามปกติอยู่แล้ว ซึ่งหมู่บ้านตาเมียงนี้มี 269 ครัวเรือน ประชาชน 1,612 คน มีหลุมหลบภัยจำนวน 3 แห่ง หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจะประกาศแจ้งเตือนทางหอกระจายข่าว และแจ้งไปทางอำเภอให้รับทราบทางโทรศัพท์มือถือ ส่วนการอพยพได้ซักซ้อมไว้อยู่แล้วหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินพร้อมอพยพได้ทันที
“โดยส่วนตัวจากการติดตามข่าวสารเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น และอยากให้ทั้ง 2 ประเทศใช้พื้นที่ร่วมกัน เพราะเป็นพี่น้องเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ หากเกิดสงครามชาวบ้านจะลำบากเดือดร้อน อีกทั้งช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวด้วย” นายอภินพกล่าว
นายชัยทัต เมินธนู ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตาเมียง ต.ตาเมียง กล่าวว่า การซ่อมแซมหลุมหลบภัยดังกล่าวต้องใช้เวลาอีก 2-3 วันถึงจะแล้วเสร็จ และยังขาดแคลนถุงปุ๋ยบรรจุดินอีกจำนวนมาก ใช้ไปกว่า 500 ถุงแล้วแต่ยังไม่พอ และยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา ทางคณะครูของโรงเรียนได้นำนักเรียนซ้อมแผนวิ่งเข้าหลุมหลบภัยอย่างสม่ำเสมอทุกวัน โดยมีหน่วยทหารและทางจังหวัดสุรินทร์เข้ามาช่วยเหลือซักซ้อมแผนและตรวจสอบซ่อมแซมหลุมหลบภัยให้ได้มาตรฐาน ซึ่งโรงเรียนบ้านหนองคันนามีหลุมหลบภัยขนาดใหญ่อยู่ภายในโรงเรียนจำนวน 5 จุด
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ล่าสุดยังคงเป็นไปตามปกติ โดยเฉพาะที่ชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง และปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก อดีตสมรภูมิรบระหว่างทหารไทย-กัมพูชาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะนี้ทหารไทยยังคงปฏิบัติหน้าที่ประจำฐานที่มั่นในทุกจุด และคอยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมปราสาททั้ง 2 แห่งได้ตามปกติ โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. แต่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวและผู้สื่อข่าวบันทึกภาพด้วยกล้องทุกชนิด อ้างหวั่นเป็นการยั่วยุในพื้นที่ชายแดนได้
ที่มา:manageronline
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)